การแข่งขัน จักรยาน รายการต่างๆ ที่น่าสนใจ

รวบรวมการแข่งจักรยาน รายการต่างๆ ที่น่าสนใจ ในส่วนนี้ ผมจะพยายาม หามาฝาก ให้ได้มากขึ้นครับ

จักรยานเสือภูเขา

สำหรับ ท่านที่เป็นแฟน จักรยานเสือภูเขา ทางผมจะพยายาม นำเรื่องราว เกี่ยวกับจักรยานประเภทนี้มานำเสนอให้มากขึ้น ครับ ที่ผ่านมา ผมคิดว่ามันยังน้อยอยู่ โดยส่วนตัวผมไม่ค่อยถนัด ทางเสือภูเขามากเท่าไหร่ครับต้องขออภัย ไว้ล่วงหน้าหากมีข้อมูลผิดพลาด ครับ

อะไหล่ จักรยาน และเทคโนโลยี ต่างๆ

ในปัจจุบัน มีการพัฒนาไปมากครับ จนเราๆ ท่านๆ แทบจะหาเงิน มาเปลี่ยน อะไหล่พวกนี้กันแทบไม่ทัน ใครที่มีทุนมากหน่อย ก็สบายหน่อยครับ ได้ใช้ของใหม่ ก่อนใครเพื่อน ส่วนใครทุนน้อย ก็คงต้องรอของมือสองกันละครับ

จักรยาน BMX

จักรยาน BMX เป็นจักรยานที่ได้รับความนิยม มาอย่างยาวนาน และการพัฒนาของจักรยานประเถทนี้ ก็ไม่ได้น้อยหน้ากว่า จักรยาน ประเภทอื่นเลยครับ

จักรยาน ไทม์ไทรอัล

จักรยาน ประเภท ไทม์ไทรอัล หรือที่ใครหลายคน เรียกว่าจรวจทางเรียบ นั่นแหละครับ

วันอังคารที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

ประวัตินักปั่นจักรยาน ชื่อ Jacques Anquetil

ประวัตินักปั่นจักรยาน

   Jacques Anquetil เกิด วันที่ 1 สิงหาคม ปี ค.ศ. 1934, และเขาได้เสียชีวิตลงใน วันที่ 18 พฤศจิกายน ค.ศ 1987, เขาเป็นนักปั่น จักรยาน ชาวฝรั่งเศส และที่สำคัญเป็นนักปั่นชาวฝรั่งเศสคนแรกที่สามารถชนะรายการ Tour de France ถึง 5 ครั้ง โดยเขาสามารถทำได้สำเร็จในปี ค.ศ 1957 และ ค.ศ 1961 - 1964 โดยเขามีความสามารถที่โดดเด่นมากก็คือ การปั่น จักรยาน แบบ "Time Trial" จนเขาได้รับฉายาว่า "Monsieur Chrono"

   ในวัยเด็กเมื่อเขาอายุได้ 17 ปี เขาได้รับใบอนุญาติแข่งขัน จักรยาน ครั้งแรกใน วันที่ 2 ธันวาคม 1950 และในเวลาต่อมา Anquetil ก็ได้ให้โค้ชชื่อ "Boucher" ช่วยแนะนำในการฝึกซ้อม ซึ่งทำให้ Anquetil มีพัฒนาการในการฝึกซ้อมคืบหน้าอย่างรวดเร็ว และได้ชัยชนะถึง 16 ครั้งในการเป็นนักปั่นสมัครเล่น โดยชัยชนะครั้งแรกในชีวิตของเขาคือ การแข่งขันรายการ "Prix Maurice Latour" ซึ่งจัดขึ้นที่เมือง "Rouen" ในวันที่ 3 พฤษภาคม ค.ศ. 1951 เขายังได้แชมป์ โดยต่อมาเขายังสามารถชนะ รายการ "Prix de France" ในปี ค.ศ 1952 และ "Tour de la Manche" และรายการแข่งขัน จักรยาน ถนนชิงแชมป์แห่งชาติในปีเดียวกัน Anquetil ได้ขี่ให้ทีมชาติฝรั่งเศสในการแข่งขันประเภทไทม์ไทรอัล 100 กิโลเมตร ในกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อน ปี ค.ศ 1952 ในกรุงเฮลซิงกิ และในการแข่งขันดังกล่าวเขาได้รับแค่ เหรียญทองแดง แอนดรู Boucher ประทับใจกับความสำเร็จของลูกทีมของเขามาก จึงเสนอชื่อ Anquetil ให้ ฟรานซิส Pelissier ซึ่งเป็นผู้จัดการทีม จักรยาน ที่ส่งทีมเข้าแข่งขันในรายการ ทัวร์ เดอะฟรอง และต่อมา ฟรานซิส ได้เรียก Anquetil มาเข้าเป็นสมาชิกทีม โดยทางทีมเสนอค่าตอบแทนให้เขาเป็นจำนวนเงิน 30,000 ฟรังซ์ต่อเดือนโดยการเป็นนักปั่นจักรยานอิสระ หรือกึ่งมืออาชีพ และ Anquetil ก็ตอบรับที่จะเข้าร่วมเป็นสมาชิกของทีมตามข้อเสนอที่เขาได้รับ ต่อมาในปี ค.ศ 1957, Anquetil ก็ได้รับชัยชนะ รายการ ทัวร์ De France ครั้งแรกในฐานะนักปั่น จักรยาน ทีมชาติฝรั่งเศส โดยเขายังคงปั่นให้ทีมชาติเป็นส่วนใหญ่ มากกว่าการขี่ให้ทีมต้นสังกัด โดยตลอดชีวิตการเป็นนักปั่น จักรยาน เขาได้ทำผลงานที่โดดเด่นมาก ดังต่อไปนี้
  • Tour de France (1957, 1961, 1962, 1963, 1964)
  • Giro d'ltalia (1960, 1964)
  • Vuelta a Espaha (1963)
  • Super Prestige Pernod lnternational(1961, 1963, 1965, 1966}
  • Grand Prix des Nations (1953, 1954, 1955, 1956, 1957, 195S, 1961, 1965, 1966)
  • Gent Wevelgem (1964)
  • Liege Bastogne Liege (1966)
  • World hour record (1956)

วันพุธที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

ปั่น จักรยาน ด้วยรอบขาเท่าไหร่ถึงจะดี

Pedalling Frequence

    เมื่อ แลนซ์ อาร์มสตรอง ชนะการแข่งขัน จักรยาน ในรายการ ทัวร์เดอะฟรอง ในปี ค.ศ 1999 เขาได้โชว์ ให้เราๆ ท่านๆ เห็นว่า การปั่นด้วยรอบขาที่สูง หรือที่เรารู้จักกันใน คำว่า RPM นั้น สามารถช่วยให้เขาประสบความสำเร็จได้อย่างไม่ยากเย็นนัก แม้ในสเตทที่มีเส้นทางขึ้นภูเขาสูง มากๆ โดยการปั่นด้วยรอบขาที่สูงนั้นข้อดีคือ มันสามารถ สลายกรดแลคติกที่สะสมอยู่ในขาของเราได้เร็วขึ้น ซึ่งเจ้ากรดตัวนี้เป็นตัวการสำคัญที่ทำให้ กล้ามเนื้อของเราเกิดความอ่อนล้า และเจ็บปวด แต่การที่จะปั่น จักรยาน ด้วยรอบขาที่สูงเป็นเวลานานๆ ได้นั้น นักกีฬาผู้นั้นต้องผ่านการฝึกฝนอย่างหนัก และเข้มข้น และมีวินัยอย่างยาวนานซึ่งอาจจะใช้เวลานานหลายปี เพื่อที่จะให้ตัวนักกีฬาผู้นั้นสามารถรักษาระดับการปั่นด้วยรอบขาที่สูงเป็นเวลานานๆ ได้

การปั่นจักรยานด้วยรอบขาเท่าไหล่ถึงจะดีที่สุด
    ในความคิดของผมแล้ว การเปลี่ยนลักษณะเฉพาะตัวของสไตล์การขี่ จักรยาน หรือการเปลี่ยนระดับรอบขาในการปั่นนั้นทำได้ยาก และต้องใช้เวลาในการเปลี่ยนสไตล์ของตัวเองนานมาก ยกตัวอย่างง่ายๆ ครับเช่นเราถนัดเขียนหนังสือมือขวา ต่อมา จะให้เราเขียนหนังสือด้วยมือซ้าย ก็คล้ายกันกับประเด็นนี้ครับ การปรับตัวเองเพื่อเปลี่ยนรูปแบบการขี่ จักรยาน ไม่ว่าจะเป็นการปรับรอบขาหรือ ลักษณะท่าทางการขี่นั้นข้อนข้างทำได้ยาก แต่กระนั้น ผมก็ได้พยายามที่จะปรับบางส่วนของผม เพื่อที่จะทำให้ผมปั่นด้วยรอบขาที่สูงขึ้น โดยมีความเชื่อที่ว่าการปั่นด้วยรอบขาที่สูงนั้นสามารถที่จะช่วยให้เราประหยัดพลังงานในการขี่ จักรยาน ในรายการแข่งขันต่างๆได้

    สรุปแล้วจนขณะนี้ผมไม่สามารถเปลี่ยนแปลงสไตล์ การปั่นจักรยานด้วยรอบขาที่สูงได้มากนัก โดยสามารถเปลี่ยนได้เล็กน้อยจากเดิม เราเคยปั่นด้วยรอบขา 70 รอบต่อนาที ดังนั้นเราอาจจะเพื่มขึ้นได้เป็น 0-5 รอบต่อนาที ขึ้นอยู่กับการฝึกซ้อมของเราว่ามีประสิทธิภาพมากแค่ใหน และในความคิดส่วนตัวของผม เห็นว่าการปั่น จักรยาน ด้วยรอบขาที่ สูงนั้น มักจะทำให้เรานั้นเหนื่อยเร็วขึ้น ผมว่าการปั่นด้วยรอบขาที่สูงนั้น เหมาะสำหรับ นักปั่นจักรยานประเภท ลู่ มากกว่าสำหรับ นักปั่นจักรยาน ประเภทถนน ผมคิดว่าควรใช้รอบขาแบบปานกลางจะดีกว่าการปั่นด้วยรอบขาที่สูง เพราะถ้าท่านสังเกตุนักปั่นจักรยานที่อยู่ในระดับโลก หลายคนจะปั่นด้วยรอบขาที่ไม่ค่อยสูงมาก สังเกตุจากการแข่งขันจักรยานรายการต่างๆ เช่น ทัวร์เดอะฟรองโดยนักปั่นสวนใหญ่จะใช้รอบขาปานกลาง คือ ประมาณ 75-85 รอบต่อนาที แต่อัตราทดเกียร์จะหนักพอสมควร ซึ่งขึ้นอยู่กับความแข็งแรงของกล้ามเนื้อขาของนักปั่นแต่ละคน

    ดังนั้นจะเห็นได้ว่าการปั่นด้วยรอบขาปานกลางจึงเป็นทางเลือกที่ดีกว่า ซึ่งจะทำให้เรารักษา ระดับอัตราการเต้นของหัวใจ หรือค่า HR ได้ดีกว่าการปั่น จักรยาน ด้วยรอบขาที่สูงยิ่งรอบขาสูงจะทำให้อัตราการเต้นของหัวใจสูงไปด้วย ฉะนั้น การปั่นด้วยรอบขาที่สูงขึ้นควรใช้ ในตอนที่เรารู้สึก ปวด หรือล้ากล้ามเนื้อ เพราะกล้ามเนื้อจะรู้สึกผ่อนคลายและยังช่วยสลายกรดเลคติกที่อยู่ในกล้ามเนื้อให้สลายไปได้เร็วขึ้นอีกด้วย ขอบคุณครับ

วันจันทร์ที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

ประวัตินักปั่น จักรยาน ชื่อ Bernard Hinault

Bernard Hinault

    Bernard Hinault เกิดวันที่ 14 พฤศจิกายน ค.ศ 1954 ปัจจุบันเขาอายุได้ 56 ปี เป็นชาวฝรั่งเศส เบอร์นาร์ด เป็น 1 ใน 5 นักปั่นจักรยานที่สามารถชนะ 3 รายการแกรนด์ทัวร์หลักที่ใหญ่ๆได้ครบหมด โดยเขาสามารถชนะรายการ ทัวร์เดอะฟรอง ถึง 5 สมัย รายการ Giro d' Italia 3 สมัย และ รายการ Vuelta Espana 2 สมัย เบอร์นาร์ด ได้ชื่อว่าเป็นนักปั่นจักรยานที่มีความ เด็ดขาดตัดสินใจได้อย่างรวดเร็วในการที่จะทำให้ตัวเองได้ชัยชนะมาครอง และเขาจะไม่ปล่อยโอกาสที่เปิดให้สำหรับเขานั้นหลุดลอยไปเฉยๆ

    เบอร์นาร์ด เริ่มการเป็นนักปั่นจักรยานอาชีพในปี ค.ศ 1974 โดยเริ่มแรกเขาได้เข้าสังกัดทีม The Gitane ในอีกสองปีต่อมา โดยในปี ค.ศ 1978 เขาก็สามารถประสบความสำเร็จโดย ชนะรายการ ทัวร์เดอะฟรองเป็นครั้งแรก ทำให้เขามีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับในวงการและ ตลอดอาชีพการเป็นนักปั่นของเขาเขาได้ทำผลงานไว้มากมาย โดยสามารถชนะรายการ หลักๆ ได้ยกตัวอย่าง เช่น
  • Tour de France (1978, 1979, 1981, 1982, 1985)
  • Giro d'Italia (1980, 1982, 1985)
  • Vuelta a Espana (1978, 1983)
  • การแข่งขันจักรยานชิงแชมป์โลก (1980)
    โดยหลังจากที่เขา เกษียณจากการเป็นนักปั่นจักรยานอาชีพเขาได้ร่วมทำงานให้กับ ผู้จักการแข่งขันรายการ แข่งขันทัวร์เดอะฟรอง และ ยังเป็นที่ปรึกษาให้กับผู้ผลิตอะไหล่จักรยาน อย่างเช่นบริษัท LOOK ที่ผลิตบรรไดจักรยานสวยๆ มาให้เราได้ใช้กันในทุกวันนี้ครับ

วันพฤหัสบดีที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

ภาษา จักรยาน ที่ท่านคุ้นเคย

การฝึกซ้อมจักรยาน

    คำศัพท์ หรือภาษาที่ผมคิดว่าทุกท่านน่าจะคุ้นหูกันพอสมควร และที่ผมจะมานำเสนอนี้ เป็นศัพท์ที่ทุกท่านอาจจะเคยได้ยินกันมาบ้าง ถ้าหากท่านได้ไปปั่น จักรยาน กับกลุ่มเพื่อนๆ หรือปั่นกับกลุ่มอื่นๆ หรือชมรมที่มีแต่คนแรงๆ แต่ผู้ที่เข้ามาในวงการ จักรยาน ใหม่ๆ หรืออาจเรียกว่า มือใหม่นั้นอาจจะยังไม่เคยได้ยินหรือไม่คุ้นหูเท่าไหล่ แต่พอท่านปั่นไปนานๆ ก็จะรู้เองว่าศัพท์ที่ผมนำมา แบ่งปันนั้นเขาใช้กันจริงๆ นะครับ อาจจะพูดในใจ หรือพูดกันในหมู่เพื่อนที่ร่วมปั่นด้วยกัน ทั้งต่อหน้า และลับหลัง หรือที่เขาเรียกว่า นินทาลับหลังนั่นแหละครับ งั้นเรามารู้จักศัพท์ต่างๆ กันเลยครับ

  • "หลุด" คำนี้นักปั่นจักรยานไม่ว่า มือเก๋า หรือมือใหม่ต้องคุ้นเคยกับคำ คำนี้เป็นอย่างดี ยิ่งถ้าเป็นเด็กใหม่ หรือ ผู้ที่ไม่ค่อยได้ซ้อมบ่อยๆ แล้วละก็คำนี้มันชั่งเป็นคำที่ทุกท่านไม่ชอบเลย ยิ่งถ้าไปเจอพวกเพื่อนๆ ที่แรงๆ แล้วแทบไม่อยากออกไปขี่ด้วยเลย ลักษณะ ที่สำคัญของคำว่า "หลุด" คือ เราปั่นไปพร้อมกับกลุ่มไปได้สักพัก พอเพื่อนในกลุ่มแร่งความเร็วในการปั่นจักรยานขึ่นไปเลื่อยๆ จนไปถึงความเร็วที่เราไม่สามารถทนอยู่ได้ แล้วเราก็เลยหลุดออกจากกลุ่มแล้วมองกลุ่มที่กำลังปั่นด้วยความเร็วสูงค่อยๆ หายไป ทีละน้อยๆ ต่อหน้าต่อตามันชั่งเป็นคำที่บาดใจเสียเหลือเกิน ดังนั้นเราควรกลับมาซ้อม หรือเตรียมพร้อมตัวเองให้ดีกว่าเดิม เพื่อกลับไปขี่จะได้ไม่หลุดจากกลุ่มนั่นเอง นี่คือวิธีแก้ไขครับ
  • "จี้" คำนี้หลายท่านคงชอบนะครับ มันไม่ได้หมายถึงการไป จี้ หรือ ไปปล้นใครนะครับ ที่ถูกต้องแล้วมัน หมายถึงการที่ขี่ตามเพื่อนนักปั่นแบบไกล้ๆ ยิ่งไกล้เท่าไหล่เรายิ่งเสียแรงในการปั่นจักรยานน้อยลงเท่านั้น เพราะผู้ที่ขี่อยู่ข้างหน้าเราจะเป็นตัวที่บังลม หรืออากาศไม่ให้มาประทะกับเราทำให้เรา ใช้แรงในการปั่นน้อยลง ยิ่งเวลาระหว่างการแข่งขันด้วยแล้ว การจี้ จะถูกนำมาใช้กันมาก แต่เวลาทำการฝึกซ้อมเราไม่ควร จี้ ให้มากนักนะครับ นอกจากเราจะไม่แข็งแกร่งขึ้นแล้ว เรายังจะเป็นที่รังเกียจของเพื่อนๆ ที่ร่วมซ้อมกับเราเพราะเราไปกินแรงเขามากเกินไป แต่ถ้าเรามีเหตุผลในการจี้อย่างเดียวก็ควร อธิบายให้เพื่อนในกลุ่มได้รู้ก่อนออกไปฝึกซ้อม ได้จะดีมากครับ เพื่อนๆ จะได้เข้าใจ และไม่คิดกับเราในด้านลบ
  • "เฆี่ยน" คำนี้ในวงการจักรยานนั้นหมายถึง นักปั่นจักรยานที่มีความฟิตมากๆ ไปขี่กับนักปั่นคนอื่นๆ แล้วตัวเองขี่ด้วยความเร็วสูงมากๆเพื่อหวังว่าคนอื่น หรือนักปั่นคนอื่นจะหลุด จากการที่ตัวเองขี่ด้วยความเร็วสูง อันที่จริงแล้วตามมารยาทในการฝึกซ้อมไม่ควรใช้ครับ การเฆี่ยน ควรใช้ในการแข่งขันมากกว่า ถ้าท่านแรงจริงควรไปเจอกันในระหว่างแข่งขันไม่ใช่ว่าไปทำคนที่แรงน้อยๆ หรือเด็กไหม่ครับไม่งั้นถ้าท่านทำบ่อยๆ อาจจะมีคนหมั่นใส้ และ ท่านจะเจอกับคำที่ผมจะนำเสนอต่อไป
  • "สวน" คำนี้มีใว้สำหลับผู้ที่ทำการฝึกซ้อมมาเป็นอย่างดี จนมีแรงแบบเหลือๆ แต่ท่านควรใช้ในเหตุการณ์ที่สมควรด้วยนะครับ และถ้าท่านเจอนักปั่นจักรยานที่มีนิสัยตามข้อ 3 เราอนุญาติให้ท่าน สวน ได้เลยครับตามสบายครับ แต่ต้องสวนให้เขาผู้นั้นหลุด ไปเลยนะครับ เรียกว่าเป็นการบอกให้เขาผู้นั้นรู้เป็นนัยๆ ว่าคนแรงกว่าท่านยังมีอีกเยอะ การ สวน คนอื่นนั้นถ้าเราคิดว่าเราไม่พร้อมหรือไม่แรงจริงอย่าทำ ครับเพราะเราจะเป็นฝ่ายที่ถูกสวนกลับ และกลายเป็นผู้ที่หลุดจากกลุ่มเอง

    ภาษาในกลุ่มนักปั่นจักรยานยังมีอีกเยอะแยะครับไว้วันหน้าวันหลังถ้าผมว่างๆ จะเอา ศัพท์ แปลกๆ ตลกๆ มากฝากเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ อีกนะครับวันนี้ขอจบบทความนี้เพียงเท่านี้ก่อนนะครับ บทความนี้ถึงจะไม่ค่อยมีสาระเท่าไหล่ แต่ก็คิดเสียว่าอ่านให้ได้คลายเคลียดกันก็พอครับ ขอบคุณครับ