การแข่งขัน จักรยาน รายการต่างๆ ที่น่าสนใจ

รวบรวมการแข่งจักรยาน รายการต่างๆ ที่น่าสนใจ ในส่วนนี้ ผมจะพยายาม หามาฝาก ให้ได้มากขึ้นครับ

จักรยานเสือภูเขา

สำหรับ ท่านที่เป็นแฟน จักรยานเสือภูเขา ทางผมจะพยายาม นำเรื่องราว เกี่ยวกับจักรยานประเภทนี้มานำเสนอให้มากขึ้น ครับ ที่ผ่านมา ผมคิดว่ามันยังน้อยอยู่ โดยส่วนตัวผมไม่ค่อยถนัด ทางเสือภูเขามากเท่าไหร่ครับต้องขออภัย ไว้ล่วงหน้าหากมีข้อมูลผิดพลาด ครับ

อะไหล่ จักรยาน และเทคโนโลยี ต่างๆ

ในปัจจุบัน มีการพัฒนาไปมากครับ จนเราๆ ท่านๆ แทบจะหาเงิน มาเปลี่ยน อะไหล่พวกนี้กันแทบไม่ทัน ใครที่มีทุนมากหน่อย ก็สบายหน่อยครับ ได้ใช้ของใหม่ ก่อนใครเพื่อน ส่วนใครทุนน้อย ก็คงต้องรอของมือสองกันละครับ

จักรยาน BMX

จักรยาน BMX เป็นจักรยานที่ได้รับความนิยม มาอย่างยาวนาน และการพัฒนาของจักรยานประเถทนี้ ก็ไม่ได้น้อยหน้ากว่า จักรยาน ประเภทอื่นเลยครับ

จักรยาน ไทม์ไทรอัล

จักรยาน ประเภท ไทม์ไทรอัล หรือที่ใครหลายคน เรียกว่าจรวจทางเรียบ นั่นแหละครับ

วันพฤหัสบดีที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2555

วิธีเลือกซื้อจักรยานทัวร์ริ่ง

จักรยานทัวร์ริ่งหากจะเลือกซื้อต้องถามตัวเองก่อนว่า เราจะนำไปใช้ในรูปแบบใด หากเราจะนำไปใช้ในการขี่ท่องเที่ยวจริงๆ เช่นใช้เดินทางท่องเที่ยวเหมือนฟรั่งที่เขาปั่นจักรยานกันแบบข้ามประเทศ หรือหากเป็นเราๆ ท่านๆ อาจจะแค่เดินทางท่องเที่ยวช่วงวันหยุดยาว ระยะทางอาจจะไม่ไกลมากอาจจะแค่ขี่ข้ามอำเภอ หรือข้ามจังหวัดไปหาที่ตั้งแคมป์เพื่อสัมผัสธรรมชาติอะไรทำนองนี้

จักรยานทัวร์ริ่งแท้

สิ่งที่ควรนำมาประกอบการตัดสินใจในการเลือกซื้อจักรยานทัวร์ริ่งมีดังนี้ครับ

    ขี่จักรยานทัวร์ริ่งเที่ยว
    ตะเกียบจักรยานท่องเที่ยว
  1. งบประมาณในการเลือกซื้อจักรยาน ซึ่งมันเป็นตัวกำหนดเลยครับว่าเราจะได้รถตามแบบที่เราต้องการหรือเปล่า เช่น ถ้าเราต้องการจักรยานทัวร์ริ่ง ยี่ห้อดังๆ อะไหล่ระดับ Shimano Dura Ace แต่เรามีงบ 20,000 บาท อันนี้คงเป็นไปไม่ได้แน่นอนครับ แต่เดี๋ยวก่อน!! ใช่ว่าหากคุณมีงบประมาณตามนี้แล้วคุณจะหารถดีๆ มาขี่ไม่ได้นะครับ รถดีๆ แต่ราคาไม่แพงก็มีครับอยู่ที่เราจะเลือกเป็นหรือเปล่าครับ

  2. จักรยานประเภทนี้ต้องขี่สบายไม่ปวดเมื่อยง่ายๆ เพราะเราต้องใช้เวลาอยู่บน จักรยานนานมากๆ ครับ ไม่มีจักรยานคันไหน ที่จะมี Size พอดีกับเราเปะหลอกครับ คือเราต้องปรับตัวเข้ากับจักรยานให้ได้ครับ แต่จักรยานที่ดี ควรทำให้ผู้ขี่มีการปรับตัวให้เข้ากับจักรยานน้อยที่สุดครับ เช่น ปรับแฮนด์, ปรับ Stem หรือ อาจจะปรับเบาะนั่งแค่นิดหน่อย ก็ขี่สบายแล้วครับ

  3. จักรยานทัวร์ริ่งยี่ห้อ bruc gordon
    จักรยานประเภทนี้ต้องเป็นจักรยานที่ทำให้เราเสียพลังงานน้อยที่สุดใน การกดบรรไดจักรยานแต่ละครั้ง เพราะเราต้องขี่มันเป็นระยะทางไกลๆ หลายร้อยกิโลเมตรดังนั้นจักรยานประเภทนี้ต้องมีความลื่นไหล ของอุปกรณ์ต่างๆ เช่นดุมล้อ, โซ่ และกระโหลกจานเป็นต้น แต่ไม่จำเป็นต้องหาอะไหล่ที่ราคาแพงมากๆ มาใส่ก็ได้ครับอะไหล่ราคาปานกลางก็ไหลลื่นได้ครับหากเลือกซื้อเป็น ผมยกตัวอย่างง่ายๆ ครับ เมื่อก่อนผมประกอบจักรยานเสือหมอบคันแรกของผม กระโหลกจักรยานผมต้องเรียงเม็ดลูกปืนเอง แต่ยอมรับเลยครับว่ามันลื่นมากๆ ผมว่ามันลื่นกว่าแบบแบริ่งอีกนะครับแถมทน และบำรุงรักษาง่ายกว่าอีกด้วย ดุมล้อก็เช่นกันครับ อีกประการหนึ่งหากต้องการความสบายในการจับแฮนด์ก็ควรหาที่รองผ้าพันแฮนด์มารองก่อนพัน ผ้าพันแฮนด์ สรุปคือ เอาแบบเราขี่แล้วสบายที่สุดครับ

  4. ในส่วนของเฟรมจักรยานทัวร์ริ่ง โดยส่วนตัวแล้วผมชอบแบบโครโมลี่ (ซึ่งเป็นส่วนผสมระหว่างเหล็กและโมลิบดีนั่ม) ครับเพราะขี่ได้นุ่มนวลกว่า แต่มันจะออกตัวช้าบ้างก็ไม่เป็นไรครับ แต่เมื่อทำความเร็วได้คงที่แล้ว ผู้ขี่จะออกแรงในการปั่นน้อยกว่า เฟรมแบบอลูมิเนียมครับ ซึ่งตรงกับจุดประสงค์ของเรา คือปั่นระยะทางไกลๆ แต่ใช้แรงอย่างประหยัดครับ แต่ข้อเสียของเฟรมแบบโครโมลี่ก็มีนะครับ เช่นดูแลยากเพราะมันขึ้นสนิมได้ครับ และอีกอย่างครับ เวลาขึ้นเนินเขาเราต้องออกแรงเยอะกว่าเฟรมแบบอลูมิเนียมครับ แต่โดยรวมในความคิดของผมก็ยังชอบเฟรมแบบโครโมลี่ มากกว่าอลูมิเนียมครับ แต่ยังไงแล้วก็ขึ้นอยู่กับผู้ที่จะซื้อด้วยครับ ว่าชอบแบบไหน ชอบขี่ทางเรียบเยอะๆ ก็โครโมลี่ แต่หากชอบทางที่เป็นเนินเขาเยอะๆ ก็เลือกอลูมิเนียมครับ

  5. ในส่วนของแร็คและบังโคลน ผมถือว่าเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับจักรยานทัวร์ริ่งครับ เจ้าแร็คนี้จะช่วยให้เราบรรทุกของที่จำเป็นในการเดินทาง และอุปกรณ์จำเป็นอื่นๆ ในการดำรงชีวิต เช่นถุงนอน หรือเต้น ส่วนบังโคลนประโยชน์ของมันคือเวลาเราปั่นไปเจอทางเปียก หรือฝนตกมันจะกันสิ่งสกปรกดีดขึ้นมาใส่เสื้อผ้าเราได้ และยังทำให้รถของเราไม่สกปรกมากเวลาเจอทางที่เป็นโคลนเยอะๆ ครับ
    แร็คหลังจักรยานทัวร์ริ่ง

    กันโคลนจักรยาน

  6. แฮนด์จักรยานทัวร์ริ่ง ที่ผมเห็นส่วนใหญ่จะมีสองแบบ คือแบบตรงคล้ายๆ ของจักรยานเสือภูเขา และแบบ Drop ก็แบบเสือหมอบครับ หากคุณจะใช้เพื่อการเดินทางท่องเที่ยวจริงๆ ผมแนะนำ แบบ Drop ครับเพราะเราสามารถเปลี่ยนการจับแฮนด์ได้หลายแบบ เช่น จับบน, จับล่าง, จับข้าง หรือ จะจับตรงส่วนเบรค มันจะช่วยลดอาการเมื่อยล้าได้เป็นอย่างดีครับ
    Stem สำหรับจักรยานทัวร์ริ่ง

  7. ทางด้านล้อจักรยานประเภทนี้ที่นิยนกันก็จะมี 2 Size ครับคือ ขนาด 26 นิ้ว และ ขนาด 700c ซึ่งขนาด 26 นิ้วเวลาเราขี่จะมีความนิ่ง และไม่วอกแวก เพราะวงล้อมันเล็กกว่าขนาด 700c ครับ

  8. เฟืองหลังจักรยาน
    ในส่วนของ ระบบเกียร์จักรยาน ในปัจจุบันจำนวนเกียร์ในรถจักรยานจะเยอะมากครับ จากเมื่อก่อนตอนผมปั่นจักรยานใหม่ๆ รถผมมีแค่ 12 Speed เองครับ คือจานหน้า 2 ใบ เฟืองหลังแค่ 6 ใบ เรื่องความทนทานไม่ต้องพูดถึงครับ เพราะโซ่จักรยานเสือหมอบตอนนั้น ใหญ่พอๆ กับโซ่จักรยาน BMX  เลยละครับ ปัญหาโซ่ขาดหรือหมดสภาพเร็ว แทบจะไม่เจอเลยครับ แต่ในปัจจุบัน เฟืองหลังของผมใช้อยู่ 10 ใบผมยังใช้ไม่ครบเลยครับ รุ่นใหม่ๆ ยังจะออกมา 11 ใบอีก ผมบอกเลยครับ ไม่ได้กินเงินผมหลอกครับ ผมว่ามันไร้สาระครับ อีกทั้งความทนทานก็แย่ ปรับแต่งเกียร์ก็ยาก ผมว่าปัญหามันมากกว่าประโยชน์ครับ ในความคิดของผมไม่คุ้มครับหากใครที่หลวมตัวซื้อมาใช้แล้วจะรู้ครับ ในความคิดของผมนะครับ เฟืองหลัง 7 ใบกำลังดีครับ เพราะขนาดโซ่ที่ใช้จะไม่เล็กมากครับ ซึ่งมันจะทนทานกว่าหากเรานำมาใส่กับจักรยานประเภททัวร์ริ่ง

จักรยานทัวร์ริ่ง ของ TREK
ซึ่งจากการที่ผมได้ไปหาข้อมูลทางด้านราคาของจักรยานประเภทนี้มาแล้วนั้น ส่วนใหญ่ร้านจำหน่ายจักรยานในบ้านเราจะไม่ค่อยสต็อคสินค้าใว้ครับ อาจจะด้วยเหตุที่ว่าจักรยานทัวร์ริ่งในบ้านเรายังไม่ค่อยเป็นที่นิยมกันมาก เหมือนเมืองนอก หากมีสต็อคไว้ก็จะไม่มากแค่ 1 - 2 คันหากเราไปหาซื้ออาจจะไม่ได้ตาม Size ที่เราต้องการ ในบ้านเรายี่ห้อดังๆ ราคาก็จะตกอยู่ประมาณ 40,000 บาท ขึ้นไปครับ ยกตัวอย่างเช่น TREK 520 2011 ราคาอยู่ที่ประมาณ 49,000 บาท หากใครที่พอมีกำลังซื้อก็จัดไปครับ แต่หากเป็นผม ผมจะซื้อแบบ ไม่คำนึงถึงยี่ห้อครับ ขอให้คุณภาพดีก็พอครับ (สำหรับผู้ที่พอมีความรู้ในการเลือกอะไหล่ นะครับ) สำหรับรถที่ราคาไม่แพงมากก็เช่น ยี่ห้อ MASI ตัวถังเป็นโครโมลี่ ล้อ 700C ราคา 19,000 - 22,000 บาท หากมือสองจากญี่ปุ่นยี่ห้อไม่เคยได้ยินมาก่อนราคา ก็จะอยู่ประมาณ 6,000 - 10,000 บาท หากเกินนี้ผมคิดว่าซื้อใหม่ดีกว่าครับ ลองหาดูตามเว็บประกาศ ต่างๆ ดูครับ แต่ถ้าให้ผมแนะนำ ควรซื้อใหม่ดีกว่าครับหากจะเล่นมือสองควรเป็นคนที่มีความรู้ และศึกษามาพอสมควรมิเช่นนั้นอาจถูกหลอกได้ครับ เพราะเดี๋ยวนี้พวก มิจฉาชีพ หากกินตามบอร์ดประกาศเยอะมากครับ ทั้งหลอกให้โอนเงิน เอาสินค้าของคนอื่นมาโพสแล้วบอกว่าของเป็นของตัวเองแล้วเอาราคาถูกมาล่อใจ อะไรแบบนี้ครับ หากไม่มั่นใจอย่าโอนเงินเด็ดขาดครับ จักรยานไม่ใช่ราคาหลักร้อย ทางที่ดีไปซื้อที่ร้านที่เราไว้ใจได้เลยครับปลอดภัยสุดๆ ครับ

เสือภูเขาดัดแปลงเป็นจักรยานทัวร์ริ่ง
ผมแนะนำอีกอย่างนะครับ สำหรับผู้ที่ต้องการ จักรยานทัวร์ริ่ง หากจะนำมาใช้จริงๆ และออกทริปเป็นประจำ ควรดูอะไหล่ด้วยว่าสามารถซ่อมบำรุงได้ง่ายหรือเปล่า คือสามารถถอดออกมาซ่อมบำรุงโดยที่ไม่ต้องใช้เครื่องมือ พิเศษ พิสดาร อะไรมากมาย ครับ แค่เครื่องมือซ่อมบำรุงพื่นฐานก็ซ่อมได้ยิ่งดีครับ เหตุผลเพราะเวลาเราออกทริปไกลๆ เช่น กรุงเทพ - เชียงใหม่ คงไม่มีใครอยากแบกเครื่องมือซ่อมบำรุงจักรยานชุดใหญ่ไปนะครับ เพราะหากปั่นทางเรียบก็ไม่เท่าไหร่หลอกครับ แต่หากไปถึงเส้นทาง ระหว่าง เถิน ถึงเชียงใหม่แล้วคุณแทบอยากจะทิ้งสัมภาระ ที่บรรทุกมาหมดเลยครับ เพราะจะมีทางขึ้นเขาเยอะมากครับ

สิ่งที่ผมได้เขียนบรรยายมาข้างบนนั้นก็เพื่อประกอบการตัดสินใจสำหรับใครที่ กำลังมองหาจักรยานทัวร์ริ่ง สักคันแต่ประเด็นหลักแล้วมันก็ขึ้นอยู่กับตัวเราด้วยว่าต้องการจะนำไปใช้ใน การเดินทางไกลจริงๆ หรือเปล่าหากต้องการแค่ ใช้ปั่นเล่นเฉยๆ อันนี้ไม่ต้องลงรายละเอียดมากนักครับ หากเรามีตังก็ซื้อมาใช้ได้เลยครับ แต่หากเราจะนำไปใช้เพื่อเดินทางท่องเที่ยวจริงๆ อันนี้ต้องละเอียดในการเลือกซื้อหน่อยก็ดีครับ ขอบคุณครับ

วันเสาร์ที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2555

วิธีพันแฮนด์ จักรยานเสือหมอบ

เหตุที่ผมต้องมานำเสนอวิธีการพันแฮนด์ รถจักรยานเสือหมอบ ในวันนี้ก็เพราะว่า เมื่อประมาณอาทิตย์ก่อน ผมออกไปปั่นจักรยานตามปรกติครับ แต่ยังไปไม่ถึงไหนเลยก็ล้มเสียแล้วครับ ห่างจากบ้านผมแค่ 15 เมตรเองครับ สาเหตุก็มีอยู่ว่ามีคนจอดรถคุยกันอยู่กลางซอย เลยครับ แบบเต็มถนนเลยหละครับ ผมเลยหลบเข้าข้างทาง เผอิญข้างทางดินมันนุ่ม ผมปลดเท้าออกไม่ทันครับ เลยล้มลงแบบนิ่มๆ โดยไม่ได้ชนอะไร แค่ปลดคลิทรองเท้าไม่ทัน แค่นั้นเองครับ ก็ไม่เป็นอะไรมากครับ เพราะตรงนั้นมันเป็นดินนุ่มๆ ที่มีหญ้าอำพลางอยู่ ตัวผมเองก็ ข้อเท้าซ้ายเคล็ด, น่องขวาโดนใบจานหน้าบาด แต่ก็ยังทนได้ครับเพราะหนักกว่านี้ผมเจอมาแล้วครับ ผมเลยกลับมาบ้านเพื่อตรวจดูสภาพรถ จักรยาน ของผม ดูแล้วไม่มีอะไรเสียหายมาก แค่ผ้าพันแฮนด์ถลอก และ แบะนั่ง เป็นรอยถลอกนิดหน่อยครับ แต่วันนั้นผมก็ยังออกไปปั่นอยู่นะครับ แต่ก็เป็นวันที่ถือว่าโชคไม่ดีเอาเสียเลย ระหว่างทางที่ผมปั่น ผมมีเหตุให้ต้องแซงรถยนต์ที่กำลังจะจอดอยู่ เลยไปชนกับกรวย สีส้มๆ ที่ตำรวจจราจร เขาวางไว้กลางถนนอีก จนกรวยกระเด็น ไปเลยครับ โชคยังดีที่ผมไม่ล้มครับ แต่ก็ใจหายเหมือนกัน สรุปวันนี้ที่ผมออกไปปั่นจักรยาน เจอแต่เรื่องไม่ดี คงอาจเป็นเพราะผมเป็นคนที่ค่อนข้าง ใจร้อนครับเวลาขี่รถ หรือขับรถ โดยเฉพาะหากเจอคนที่ไม่ค่อยมีมารยาท ในการใช้ถนน ผมจะรู้สึกฉุนครับ แต่ก็พยายามสงบสติ และอารมณ์ เอาไว้ครับเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่จะตามมา ครับ ถือว่าฟาดเคราะห์ ไปแล้วกัน

หลังจากที่ผมกลับมาจากปั่นจักรยาน ผมก็ตรวจสภาพจักรยานอีกทีพบว่า มีแค่ 2 จุดครับที่ผมต้องซ่อม คือ 1. ผ้าพันแฮนด์ 2. เบาะ ผมเลยตัดสินใจเปลี่ยนผ้าพันแฮนด์จักรยานก่อน โดยร้านจักรยานที่ผมนึกอยู่ใจ มี 2 ร้านครับ ร้านแรกที่ผมเข้าไปถาม (ผมนึกในใจเองว่าร้านนี้ต้องแพงแน่เลย เพราะเขาแต่งร้านค่อนข้างดูดี คือหรูหน่อยครับ) เขาติดราคา 250 บาท ส่วนอีกร้าน เป็นร้านที่เมื่อก่อนผมซื้ออะไหล่เป็นประจำครับ สินค้ามีให้เลือกเยอะครับ พอผมถามพี่เขาบอกว่า 380 บาท ก็ยี่ห้อเดียวกับร้านแรกนั่นหละครับ แต่ราคาห่างกันตั้ง 130 บาท ผมเลยบอกว่า ขอบคุณครับ แล้วเดินออกมา พร้อมกับนึกในใจว่า (ถ้าผมซื้อที่นี่ผมก็บ้าแล้วครับ) ผมเลยกลับไปซื้อที่ร้านแรกครับ โดยผมไม่ต่อราคาเลยครับ แต่หากผมต่อพี่เขาคงลดให้อีก 10 บาทแน่ๆ โดยส่วนตัวหากผมซื้อของที่ราคาไม่แพงผมจะไม่ต่อราคาครับ เพราะผมเคยไปซื้อของตามตลาดสด ยกตัวอย่างเช่น ผักบุ้งมัดละ 5 บาท ผมเคยเห็นมีคนต่อ 4 บาทได้หรือเปล่า เรื่องนี้มันมีอยู่จริงครับ และผมว่าเดี๋ยวนี้ก็ยังมีอยู่ ผมว่าบาทสองบาทก็ให้แม่ค้าไปเถอะครับ โอ้วเพ้อซะยาวเลยครับ งั้นกลับมาเข้าเรื่องกันดีกว่าครับ โดยผ้าพันแฮนด์ที่ผมซื้อมาก็ถือว่าใช้ได้ครับ ผลิตที่ ไต้หวัน ตอนแรกผมหาซื้อสีดำ เผอิญสีดำหมดผมเลยตัดสินใจซื้อสีขาวมาครับ โดยผมจะพันแค่ข้างเดียวครับคือข้างที่มันฉีกนั่นแหละครับ โดยจะปล่อยข้างขวาให้เป็นสีดำเช่นเดิมครับ เพราะผมคิดว่ามันแปลกดีผมชอบครับ งั้นเรามาดูวิธีกันเลยครับ

รูปแสดงวิธีการพันแฮนด์รถจักรยาน


แฮนด์จักรยาน
สังเกตุจากรูปจะเห็นได้ว่าผมได้ลอกผ้าพันแฮนด์ จักรยานอันเก่าที่ชำรุด ออกไปแล้วนะครับ ที่เห็นเป็นสีขาวๆ สามจุดนั่นคือ สก็อตเทป พันไว้เพื่อยึดสายเบรค และสายเกียร์ ให้แนบกับแฮนจักรยานครับ เวลาเราพันแฮนด์จักรยาน จะทำให้สามารถพันได้ง่ายขึ้นครับ

เทปพันแฮนด์จักรยาน
จากนั้นเราก็ตัดผ้าพันแฮนด์ออกมาประมาน 3 นิ้วครับส่วนนี้เราจะเอาไปแปะที่ข้างหลังมือเบรคเพื่อซ่อนไม่ให้เห็นสีของแฮนด์จักรยานเวลาเราพันเสร็จครับ ช่วยในเรื่องความสวยงาม และยังช่วยให้เราไม่ต้องพันในจุดนั้นหลายรอบ อีกทั้งยังลดความเสี่ยงจากการที่ผ้าพันแฮนด์ยาวไม่พอที่จะพันแฮนด์ครับ ผมคิดว่ามือใหม่ที่เคยพันแฮนด์จักรยานด้วยตัวเองคงเคยเจอกับปัญหานี้มาแล้วครับ

แปะหลังมือเบรคจักรยาน
 จากขั้นตอนข้างบนอาจมีคนสงสัยว่าแปะไว้ตรงไหนผมได้ถ่ายภาพตำแหน่งที่เราจะนำไปแปะไว้ด้วยครับ ตรงจุดนี้เลยครับ เพื่อปกปิดสีของแฮนด์เรา เวลาพันแฮนด์จักรยานเสร็จ

เริ่มพันแฮนด์จักรยาน
แล้วก็มาถึงจุดที่เราจะต้องเริ่มต้นพันแฮนด์จักรยานกันแล้วครับ ต้องเริ่มพันจากปลายของแฮนด์ขึ้นมานะครับ สาเหตุที่ต้องทำแบบนี้ก็เพราะว่า มันจะช่วยลดการสะสมของสิ่งสกปรก ที่จะเข้าไปสะสมระหว่างร่องทับซ้อนของผ้าพันแฮนด์ครับ ใช้หลักการเดียวกับการมุงหลังคาบ้านนั่นแหละครับ เวลาฝนตกน้ำจะไม่รั่วเข้าบ้านครับ ตรงกันข้ามหากเราพันจากข้างบนลงมา มันจะทำให้สิ่งสกปรกต่างๆ และเหงื่อ ใหลเข้าไปสะสม ซึ่งตรงจุดนี้ทำให้การทำความสะอาดเป็นไปได้ยากครับ โดยส่วนใหญ่ จักรยาน ที่วางจำหน่ายทั่วไปจะมีการพันแบบ ล่างขึ้นบนหมดครับ

ระหว่างพันแฮนด์จักรยาน
จากรูปจะเห็นได้ว่าเราต้องพันเทป ดังกล่าว สังเกตุดีๆ จะมีแถบกาวอยู่ตรงกลาง โดยในการพันควรกะระยะให้แถบกาวสัมผัสกับตัวแฮนด์ใว้ครับ มันจะดูสวยงาม และทนด้วยครับ ไม่ใหลลื่นง่ายๆ โดยขณะที่เราพันควรดึงเทปพันให้ ตึงๆ หน่อยครับ เพราะตัวเทปพันสามารถยึดหยุ่นได้ครับ หากเราไม่ดึงเลยมันจะส่งผลให้เทปพันไม่พอ หรือพันไม่ถึงด้านบนครับ

พันแฮนด์จักรยานเสือหมอบ
พอเราพันมาจนถึงจุดนี้นะครับ สังเกตุดี ตรงจุดนี้สำคัญมากครับ ให้ดึงขึ้นมาตามรูปเลยครับ หากเราดึงขึ้นอีกฟากของแฮนด์ ตอนจบปลายเทปพันมันจะหันมาทางผู้ขี่ซึ่งไม่ถูกต้องครับ

การใช้เทปพันแฮนด์จักรยาน
ดังนั้นหากเราพันถูกต้องตอนจบมันต้องเป็นแบบนี้ครับ ตัวปลายของเทปจะหันออกไปข้างหน้า เราก็รวบลงไป แล้วใช้เทป หรือสติกเกอร์ ที่เขาแถมมาให้พันทับลงไปเพื่อกันไม่ให้เทปพันแฮนด์หลุดร่อนออกมาครับ

แฮนด์จักรยานเมื่อพันเสร็จแล้ว
นี่แหละครับภาพหลังจากที่ผมพันเสร็จแล้ว ข้างหนึ่งสีดำ ข้างหนึ่งสีขาว มันแปลกดีผมชอบครับ ซึ่งหลังจากที่ผมหายบาดเจ็บแล้ว ผมลองออกไปปั่นจักรยาน รู้สึกว่าผ้าพันแฮนด์ยี่ห้อนี้ใช้ได้เลยครับ ตอนแรกผมนึกว่าจะ ลื่นๆ ไม่กระชับมือ แต่ที่ไหนได้ นุ่มและหนืบดีครับ ดีกว่าสีดำด้านขาวเล็กน้อยครับ ซึ่งพิสูจน์ได้ว่าของดีใช่ว่าจะแพงเสมอไปครับ ถูกและคุณภาพดี ก็มีเยอะแยะครับ ขึ้นอยู่ว่าเราจะเลือกมาใช้ให้เหมาะสมกับเงินในกระเป๋าหรือเปล่าครับ บทความนี้ก็ขอจบเพียงแค่นี้ครับ หากผิดพลาดประการใด ติชมได้ตามสบายครับ ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาเยี่ยมชมครับ


บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ: วิธีปะยางจักรยาน

วันศุกร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2555

วิธีปะยางจักรยาน

วันนี้ผมออกไปปั่นจักรยานเพื่อออกกำลังกายตามปรกติ พอปั่นไปได้ประมาณ 20 กว่ากิโลเมตร ผมสังเกตุ เห็นยางจักรยานด้านหลัง มันจะยวบๆ ผิดปรกติ ผมเลยจอดแล้วลองเอามือ ขวาบีบดู ก็รู้ทันทีว่า โดนแจ๊กพอตแล้วเรา เพราะมันน่วมเลย แต่ยังโชคดีที่รูมันไม่ค่อยใหญ่มาก แค่ซึมๆ ผมเลยรีบปั่นกลับบ้านทันที เพราะวันนี้ผมไม่ได้พกยางอะไหล่มาด้วยครับ ตอนปั่นกลับก็สังเกตุไปด้วยว่ายางมันแบนกว่าเดิมมากหรือเปล่า ถ้าแบนมากผมถึงจะจอดแล้วเปลี่ยนยางใน แต่มันแค่ซึมเลยสามารถปั่นประคอง กลับถึงบ้านได้พอดีครับ นี่ขนาดว่าผมเป็นคนที่สังเกตุเส้นทางตอนปั่นดีแล้วนะครับยังพลาดได้ อย่างนี้คงต้องโทษพวกคนที่มักง่าย ชอบทิ้งขวดแก้วเปล่าตามข้างทาง ผมขอบ่นหน่อยนะครับ เวลาผมออกไปปั่นจักรยาน จะเจอบ่อยมากครับ พวกขวดเบียร์, ขวดเครื่องดื่มชูกำลังทั้งหลาย ไม่รู้ว่าเขาทิ้งลงมากันได้ยังไง ผมว่าพวกนี้บาปมากครับ ไม่คำนึงถึงตอนพระท่านออกบิณฑบาต ตอนเช้าๆ ท่านอาจโดนเศษแก้วเหล่านี้บาดเท้าเอาได้ครับ ผมไม่ชอบเลยครับพวกมักง่ายพวกนี้ บางทีปั่นจักรยานออกกำลังกายไป ก็เห็นเขาขว้างออกมากจากรถซะงั้น เห็นแล้วเพลียใจจริงๆ ครับพวกนี้

ไหนๆ ยางก็รั่วไปแล้วก็ต้องกลับมาปะกันละครับทีนี้ วันนี้ผมเลยจะมาแชร์ วิธีปะยางรถจักรยาน ให้เพื่อนๆ ได้ทำกันเองได้ครับ หลายคนอาจจะยังทำไม่เป็น ส่วนท่านที่ทำเป็นแล้วก็อ่านอีกได้ครับ เพราะวิธีของผมอาจจะไม่เหมือนใคร เพราะผมเป็นคนค่อนข้างละเอียด เวลาทำอะไรแล้วต้องทำให้ดีครับ เปรียบได้กับงานศิลปะ ที่ต้องทำให้เนียนครับ เพ้อไปนั่น!! งั้นเรามาดูกันเลยครับ ว่าทำกันยังไง

อุปกรณ์ในการปะยางจักรยาน


อุปกรณ์ในการปะยางจักรยาน

  1. อุปกรณ์สำหรับงัดยางออกมาจากขอบล้อ ที่เห็นเป็นสีขาว, น้ำเงิน และแดง นั่นแหละครับ โดยส่วนตัวผมจะไม่ใช้ที่มันโลหะครับเพราะว่า มันจะทำให้ขอบล้อของเราเป็นรอยได้ง่ายครับ ผมเลยเลือกที่เป็นพลาสติก ถึงจะเป็นพลาสติกแต่ทนมากนะครับ ชุดนี้ผมซื้อมาได้เกือบ 3 ปีแล้วครับยังใช้งานได้ดีอยู่ครับ
  2. กระดาษทรายใช้เบอร์ประมาน 180 กระดาษทราย เบอร์ยิ่งเยอะยิ่งเนื้อหยาบครับ เช่น เบอร์ 1000 นี้ละเอียดมากครับ แต่มันใช้ปัดยางไม่ค่อยเข้าครับ ผมจะแนะนำให้ใช้ ระหว่าง เบอร์ 150 - 180 ครับผมคิดว่ากำลังดีเลยสำหรับยางรถจักรยาน ครับ
  3. กาวสำหรับปะยางครับ หลอดละ 5 บาท เดี๋ยวนี้ราคาอาจจะขึ้นแล้วครับ ผมว่าไม่น่าเกิน 10 บาทครับ หรืออาจจะซื้อเป็นกระป๋องก็ได้ครับ ยี่ห้อ KKK หากใครจะรับจ๊อบหารายได้พิเศษด้วยการบริการรับปะยาง ผมแซวเล่นนะครับ!!
  4. ยางสำหรับปะแบบสำเร็จรูปครับ อันละ 1 - 2 บาท แล้วแต่ร้านที่เราไปซื้อครับเขาขายราคาไม่เท่ากันครับ
  5. ส่วนที่เห็นเป็นน็อต สีทองๆ นั้นไม่เกี่ยวครับ พอดีมันแอบมาโชว์ตัว หลายท่านอาจไม่ทราบครับว่ามันมีไว้ทำอะไร ผมบอกให้ก็ได้ครับ มันเป็นอแดปเตอร์ สำหรับต่อที่จุกลมจักรยานเสือหมอบ ครับให้เราสามารถสูบลม โดยใช้ที่สูบลมทั่วไปได้ครับ ผมจะเอาติดตัวไปด้วยครับเวลาออกไปปั่นจักรยาน เพราะหากเกิดยางรั่วขึ้นมา หากเราเปลี่ยนยางแล้ว เวลาเราสูบลมเข้าไปโดยใช้ที่สูบลมแบบพกพา มันจะสูบได้ไม่แข็งครับ ผมเลยพกเจ้าน็อตตัวนี้ไปด้วยเผื่อเวลาเจอปั้มน้ำมัน หรือร้านซ่อมมอเตอร์ไซค์ จะได้เข้าไปสูบลมเพิ่มให้แข็งตามต้องการได้ครับ ผมว่ามันสำคัญนะครับ

ขั้นตอนในการปะยางรถจักรยาน


  1. ใช้ที่งัดยางทำการงัดยาง ออกมาจากขอบล้อจักรยาน ขั้นตอนนี้ผมไม่ได้ถ่ายรูปไว้ผมต้องขออภัยไว้ด้วยครับ
  2. สูบลมยางจักรยานนำยางในออกมาสูบลมเข้าพอประมานตามรูปครับ ไม่ต้องสูบเยอะครับแค่พอประมาณก็พอครับแล้วนำไปจุ่มน้ำเพื่อหารอยรั่วครับ






  3. ทำเครื่องหมายรอยรั่วจักรยานพอเราเจอรอยรั่ว แล้วเราก็ใช้ปากกาทำเครื่องหมายไว้ครับ สังเกตุ ผมจะวงกลมไว้ แล้วใช้กระดาษทรายที่เราเตรียมไว้ขัดรอบๆ จุดที่เราทำเครื่องหมายไว้ก่อนจะได้ไม่หลงครับ พอขัดรอบๆ เสร็จเราก็ขัดตรงกลางที่เราทำเครื่องหมายไว้ได้เลยครับ ส่วนจะขัดให้กว้างขนาดไหนนั้น เราจะขัดให้กว้างกว่า ที่ปะยางสำเร็จรูปนิดหน่อยครับ เวลาขัดก็ไม่ต้องออกแรงกดมากครับแค่ลูบๆ ก็พอครับเดี๋ยวยางทะลุครับ จุดประสงค์แค่ให้พื้นผิวสะอาดก่อนที่เราจะทากาวแค่นั้นเองครับ
  4. ทากาวยางจักรยานพอขัดเสร็จก็ทากาวได้เลยครับ ทาให้ทั่วตรงบริเวณที่เราขัดทำความสะอาดครับไม่ต้องหนามากครับพอดีๆ แล้วทิ้งไว้ประมาณ 2- 3 นาที เพื่อให้กาวแห้ง และหายเยิ้มครับ




  5. ที่ปะยางจักรยานสำเร็จรูปนำที่ปะยางสำเร็จรูปแปะไปตรงที่เราทากาวไว้ครับ แล้วบีบนวดให้แน่นๆ เพื่อให้ทั้งสองส่วนติดกันดีขึ้นครับ







  6. ปะยางจักรยานสำเร็จแล้วลอกแผ่นลองยางสำเร็จรูปออกครับ จะได้ยางที่ปะแล้วอย่างสวยงาม แล้วสามารถนำไปใช้ในโอกาสต่อไปได้ครับ ประหยัดดีครับ ไม่ต้องซื้อใหม่บ่อยๆ





  7. ยางจักรยานเมื่อปะแล้วม้วนยางที่เราทำการปะแล้ว เก็บให้เรียบร้อยสวยงาม โอ้ว!! เหมือนตอนที่ซื้อมาใหม่ๆ เลย แต่ขอโทษ เส้นนี้ 2 แผลแล้วครับ ประหยัดเงินในการเป๋าไปได้ 200 กว่าบาท อีกต่างหาก




และแล้วเราก็ได้ยางที่ทำการปะเรียบร้อยแล้ว เราก็สามารถนำติดตัวไว้ เวลาออกไปปั่นจักรยานครั้งต่อไป เพื่อเป็นยางอะไหล่ เวลาเกิดยางรั่วได้ครับ เห็นไหมครับว่ามันไม่ยากเลย ลองหัดทำดูกันได้ครับ แถมยังประหยัดเงินอีกด้วยครับ ก่อนปะก็ดูสภาพยางก่อนนะครับ หากมันดูเปื่อยยุ่ย มีรอยถลอกเยอะๆ ก็ควรเปลี่ยนใหม่ดีกว่าครับ


บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ: เกร็ดความรู้เล็กๆน้อยๆในการดูแลรักษาจักรยาน

วันเสาร์ที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2555

เกร็ดความรู้เล็กๆน้อยๆในการดูแลรักษาจักรยาน

ดูแลยางจักรยาน

จักรยานก็ต้องการการดูแลรักษาบ้างครับ ไม่ว่าจักรยานนั้นจะราคาถูก หรือแพงก็มีโอกาสพังได้เช่นกันครับ หากขาดการดูแลรักษาอย่างสม่ำเสมอ ไม่จำเป็นต้องทำทุกวันก็ได้นะครับเดียวคนเห็นเข้า เขาจะหาว่าเราบ้าเกินไป แต่ผมไม่แคร์สื่อครับ หากผมออกไปปั่นจักรยาน กลับมาผมต้องเช็คระบบ และทำความสะอาดมันทุกครั้งครับ จนคนทั่วไปจากที่ว่าผมบ้า ก็เฉยไปเลยครับหลังๆ ไม่เห็นว่าอะไรครับได้แต่ดู อยู่ห่างๆ หากเป็นสมัยที่ผมยังปั่นจักรยานแข่งขันอยู่ ช่วงนั้นหายใจเข้าออกก็เป็นจักรยานหมดครับ เช็ดมันได้ทุกวัน ขนาดไม่ได้ออกไปปั่นยังเอามาเช็ดเลยครับ หลายคนที่รักจักรยาน คงเข้าใจความรู้สึกนี้ดีครับ และยังมีเกร็ดเล็กน้อยที่หลายคนอาจจะมองข้ามไป แต่ผมว่ามันสำคัญนะครับ ถึงจะเป็นเรื่องที่คนส่วนใหญ่จะไม่ค่อยทำกัน วันนี้ผมเลยจะมาแชร์ ประสบการณ์เหล่านี้ให้ผู้ที่ยังไม่รู้ได้ทราบกันครับ ซึ่งมีดังต่อไปนี้ครับ

สิ่งเล็กๆน้อยๆที่ไม่ควรมองข้ามในการดูแลรักษาจักรยาน


  • การปล่อยลมยางทุกครั้งหลังจากออกไปปั่นจักรยานกลับมา ซึ่งข้อนี้เป็นข้อที่ทุกคนที่เห็นผมทำจะถามเสมอว่าผมปล่อยยางรถผมทำไม ผมก็ตอบไปว่าเพื่อรักษาสภาพยางให้สามารถ ใช้ได้นานๆ คือยึดอายุการใช้งานของยางได้ครับ เพราะว่าเราออกไปปั่นจักรยาน ซ้อมแต่ละครั้งนั้นนักปั่นคงรู้ว่าเราต้องสูบลมเข้าไปในยางไม่ต่ำกว่า 80 P.S.I. กันเลยทีเดียว บางท่านอัดไปจนเต็มที่เลยครับ คือ 120 - 150 P.S.I. ดังนั้นยางจึงได้รับความกดดันสูง หากเราไม่ปล่อยลมยางออก เมื่อปั่นเสร็จจะทำไห้ยางมีอายุการใช้งานน้อยลงนั้นเองครับ โดยการปล่อยลมยางนั้นไม่ต้องปล่อยจนแบนนะครับ แค่พอบีบแล้วรู้สึกนิ่มๆ ก็พอครับ
  • ปลดเบรคจักรยาน ปลดเบรคจักรยานขึ้น คลายก้ามเบรคทุกครั้งหลังจากปั่นจักรยานเสร็จ เพื่อยึดอายุการใช้งานสปริงของก้ามเบรคครับ ซึ่งผมได้ถ่ายรูปรถจักรยานของผมเองมาครับ หลายคนคงงงว่าผมยังใช้ก้ามเบรคระบบนี้อยู่หรือ มันเป็นของที่ผมซื้อไว้สมัยก่อนตอนผมยังเด็ก แต่ไม่ได้ใช้ครับ ตอนผมประกอบรถคันนี้เลยทุ่นเงินไปได้หลายตังเลยครับ เป็นรุ่น 105 ของยี่ห้อ SHIMANO ครับเดี๋ยวนี้ไม่มีขายแล้วครับ 105 รุ่นไหม่ก็ไม่ใช้ระบบนี้แล้วเปลี่ยนเป็นระบบดึงคู่หมดครับ แต่ส่วนตัวผมชอบระบบนี้มากกว่า เพราะมีความยืดหยุ่นกว่าในการปรับแต่งครับ




  • ปลดระบบเกียร์ลงมาที่ระดับต่ำสุด ทั้งหน้า และหลังครับ ทำเพื่อยึดอายุสปริงของระบบเปลี่ยนเกียร์ครับให้มันได้อยู่กับเราไปนานๆ ครับ เช่นเฟืองหลังก็ปรับไปที่ใบเล็กสุด ส่วนจานหน้าก็ปรับไปที่ใบเล็กสุดเช่นกันครับลองดูที่รูปครับ ผมถ่ายมาแต่มันไม่ค่อยชัดครับ ผมถ่ายภาพไม่เก่งครับออกตัวไว้ก่อนอย่าบ่นผมนะครับ

  • หลังปั่นจักรยานกลับมาก็เช็ดมันเสียหน่อยนะครับ ส่วนตัวผมใช้ของ 3M ครับที่คุณแม่บ้านเอาใว้เช็ดครัวนั่นแหละครับ ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับว่าเขาเรียกว่าอะไร ผมเห็นมันซับน้ำได้ดี เวลาเราเช็ดรถ มันจะไม่มีคราบน้ำ ติดที่รถเวลาเราเช็ดครับ ใช้เช็ดรถยนต์ก็ได้ครับ ซับน้ำได้ดีมากเลยครับ ของผมที่ถ่ายมาให้ดูมันเก่าหน่อยนะครับ ถึงจะเก่าแต่ไม่มีขุยเลยครับ ใช้เช็ดคราบเหงื่อเวลามันหยดลงบนจักรยาน เพื่อไม่ให้จักรยานขึ้นสนิมได้ง่ายครับ (สำหรับผู้ที่ยังใช้เฟรมเหล็ก ควรดูแลเป็นพิเศษนะครับ) ส่วนตัวผมจะเช็ดแบบ ง่ายๆ ครับ ส่วนเช็ดแบบละเอียดผมจะทำประมานเดือนละ 2 ครั้ง (แบบละเอียดคือเช็ดทุกซอกทุกมุมของจักรยานเลยครับ)
  • ทำความสะอาดโซ่จักรยาน สำหรับจุดนี้ผมจะทำ เว้นครั้งเอาครับ คือปั่นสองวันทำความสะอาด 1 ครั้ง ส่วนการล้างโซ่จักรยาน ผมจะทำทุกๆ 500 กิโลเมตรครับ หากใครทำบ่อยๆ ก็ไม่เป็นไรครับ ยิ่งดีเลยครับช่วยยึดอายุ การใช้งานของชิ้นส่วนดังกล่าวได้เป็นอย่างดีเลยครับ ยิ่งโซ่จักรยานสมัยนี้ เล็กและบางกว่าแต่ก่อนมาก การดูแลอย่างสม่ำเสมอจะช่วยลดค่าใช้จ่ายในจุดนี้ได้ครับ ผมสังเกตุว่าโซ่จักรยานสมัยนี้อายุการใช้งานสั่นกว่าสมัยก่อนมากครับ คือโซ่จะยืดเร็วมากดังนั้นในจุดนี้เราควรดูแลเป็นพิเศษกันหน่อยครับ

ที่ผมได้เล่ามาข้างบนเป็นจุดเล็กๆน้อยๆ ที่หลายคนอาจมองข้าม หรือบางคนอาจจะไม่เคยทราบมาก่อนเลยว่า สิ่งเหล่านี้เราต้องทำด้วยหรือ หากใครไม่ได้คลุกคลีในวงการนี้จริงๆ อาจไม่ทราบเลยครับ เพราะจะเป็นสิ่งที่รุ่นพี่ๆ บอกต่อกันมาถึงรุ่นเราๆ นี้แหละครับ ยกตัวอย่างเช่น ศัพท์ต่างๆ ที่นักปั่นจักรยานเขา คุยกันเช่นคำว่า "หลุด" คนทั่วไปไม่ทราบหลอกครับมันมันหมายถึงอะไร แต่หากเป็นนักปั่นจักรยาน จะทราบดีครับ และผมมั่นใจว่านักปั่นทุกคนเคยประสบกับมันมาแล้ว ซึ่งหากท่านใดอยากทราบว่า"หลุด" หมายถึงอะไร บทความเก่าๆ ผมได้อธิบายไว้แล้วครับ ลองตามไปอ่านกันได้ครับ บทความนี้ครับ ภาษา จักรยาน ที่ท่านคุ้นเคย แล้วคุณจะทราบว่านักปั่นทำไมต้องเจอกับคำนี้ทุกคนครับ


บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ : มาปั่นจักรยานไปทำงานกันนะครับ

วันพุธที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

มาปั่นจักรยานไปทำงานกันนะครับ

ปั่นจักรยานไปทำงานช่วงนี้ผมได้มีโอกาส ออกไปปั่นจักรยานออกกำลังตอนเช้าบ่อยกว่าแต่ก่อนมากครับ คงเป็นเพราะเรื่องงานเริ่มเข้าที่เข้าทางแล้วครับ เลยมีเวลาใส่ใจกับสุขภาพกันหน่อย ช่วงเวลาที่ผมชอบออกไปปั่นจักรยาน โดยมากแล้วจะเป็นช่วงเช้าครับ ระหว่าง 6:00 น. ไปจนถึง เกือบๆ 8:00 น. เหตุที่ผมชอบออกไปปั่นจักรยานตอนเช้าๆ ก็เพราะว่าตอนเช้าอากาศ จะดีกว่าตอนเย็น ครับและการจราจร ไม่ค่อยคับคั่งเท่าตอนเย็น ผมเป็นคนหนึ่งครับ ที่ติดการฟังเพลงเวลาปั่นจักรยาน แต่ผมจะเปิดเสียงพอเหมาะครับไม่เปิดดังจนเกินไป เพราะเราต้องคอยฟังเสียง การจราจรรอบตัวเราด้วยครับ หากเปิดเสียงดังซะจน ไม่ได้ยินอะไรเลยนอกจากเสียงเพลงผมว่ามันอันตรายครับ

โดยส่วนตัวแล้วตอนเด็กๆ ผมเริ่มปั่นจักรยานไปโรงเรียนตั้งแต่ ป.3 ครับ ปั่นไปกับพี่สาวผมเองครับ แต่คนละคันครับ เพราะอยู่่คนละโรงเรียนครับ ระยะทางจากบ้านไปโรงเรียนประมาณ 5 - 6 กิโลเมตร ครับ ตอนนั้นผมตื่นเต้นมากครับ เพราะได้ปั่นจักรยานไปโรงเรียนเอง เด็กๆ ส่วนใหญ่ก็รู้สึกแบบนี้แหละ แต่ปัจจุบันพ่อแม่ส่วนใหญ่จะกลัวว่าลูกๆ จะประสบอุบัติเหตุ ระหว่างการเดินทางเลยมักจะไปส่งลูกหลานเองทุกเช้าครับทั้งๆ ที่โรงเรียนอาจจะอยู่แค่ปากซอยแค่นั้นครับ โดยที่บ้านผมจะสอนให้ลูกๆ ทุกคนรู้จักช่วยเหลือตัวเองตั้งแต่เด็ก อะไรที่พอทำได้ก็ต้องทำเองครับ อะไรที่เรายังทำไม่ได้ผู้ใหญ่ก็จะจัดการให้ครับ ผมยังจำได้ตอนที่ผมหาเงินด้วยตัวเองได้ครั้งแรกครับ ตอนนั้นผม อยู่ประมาณ ป.4 เห็นจะได้ คือผมไปช่วยพี่ข้างบ้านเขาล้างรถ ให้ลูกค้าที่มาใช้บริการในสโมสร ตอนแรกผมไม่ได้คิดอะไรครับ ไปช่วยเขาล้างเพราะผมว่ามันสนุกดี คือผมเป็นคนชอบรถด้วยครับ พอล้างเสร็จพี่เขาให้เงินผมมา 20 บาท ตอนแรกผมก็ไม่เอาหลอกครับแต่พี่เขาบอกว่าเอาซื้อขนมเถอะ ผมก็รับไว้ครับ (ผมกลัวพี่เขาเสียใจครับเลยรับไว้ จริงๆ ก็อยากได้ครับแต่เกรงใจ ^,^!!) ผมว่า 20 บาทสมัยผมนั้น มันเยอะมากครับ ผมได้เงินค่าขนมไปโรงเรียนวันละ 2 บาท ผมยังจำได้ดีครับ เรื่องอาหารกลางวันผมทานที่โรงเรียนครับ เพราะพ่อผมจ่ายให้แม่ค้าเป็นรายเดือนครับ ไม่ให้เงินผมไปซื้อเอง ถ้าให้ผมซื้อเองผมไม่ซื้อครับ ผมเอาไปซื้อของเล่นหมด ข้าวปลาไม่กินกันเลยครับช่วงนั้น ของเล่นต้องมาก่อน ^-^!! เด็กๆ ก็เป็นแบบนี้แหละครับ

ปั่นจักรยานไปโรงเรียนวกกลับมาว่าเรื่องปั่นจักรยานไปทำงานกันต่อครับ ทุกครั้งที่ผมออกไปปั่นจักรยานตอนเช้า ผมจะไม่ค่อยเห็นใครปั่นจักรยานไปทำงานกันเลย ถึงเห็นก็จะน้อยมากครับ ผมว่าไม่น่าจะถึง 1 % ด้วยซ้ำไปครับ และที่ผมเห็นนั้นโดยส่วนใหญ่แล้วจะเป็นชาวต่างชาติครับ คนไทยน้อยมากครับ คือแทบจะไม่เห็นเลยครับ ผมคิดว่าคนส่วนใหญ่ยังมองว่าคนที่ปั่นจักรยานไปทำงาน หรือไปเรียนนั้น "กระจอก" ฐานะทางสังคมต่ำ ผมขอใช้คำแบบตรงๆ โดนๆ เลยครับ (ถ้าแรงไปก็ขออภัยด้วยครับ!!) ผมว่าประเทศเรายังเจริญแบบช้าๆ หรือคงที่ ก็เพราะว่ายังมีคนจำพวกนี้ เยอะเกินไปครับ ส่วนตัวผมคิดว่า การที่เราปั่นจักรยานไปทำงานนั้น ไม่ว่าจักรยานเราจะราคา หลักร้อย หรือหลักแสน มันก็มีผลดีต่อสุขภาพทั้งนั้นครับ ส่วนเรื่องประหยัดค่าเดินทางนั้น ผมถือเป็นผลพลอยได้ครับ หลายคนอาจมองต่่างจากผมก็ไม่เป็นไรครับ ทำไมผมถึงยกให้เรื่องสุขภาพต้องมาก่อน เรื่องเงินๆ ทองๆ นะหรือครับ เพราะคงไม่มีใครเขาไปในโรงพยาบาลแล้วบอกหมอว่า "ผมหรือดิฉัน ขอซื้อสุขภาพดี ระยะเวลา 1 ปีค่ะ" สุขภาพดีนั้นหาซื้อไม่ได้ครับต้องทำกันเอาเอง นั่นคือการออกกำลังกายเป็นประจำ ทานอาหารที่มีประโยชน์ให้ครบ 5 หมู่ และถูกหลักอนามัย ส่วนแพทย์นั้นเขาสามารถให้คำปรึกษา, แนะนำ และรักษาเราเวลาเราป่วยครับ

สิ่งที่ควรระมัดระวังในการปั่นจักรยานไปเรียน หรือทำงาน

  • หากเส้นทางนั้นที่เราเดินทางนั้นมีทางสำหรับจักรยาน เราควรปั่นอยู่ในทางดั่งกล่าว
  • สวมหมวกนิรภัย ทุกครั้งที่ออกไปปั่นจักรยาน
  • สิ่งที่ผมกลัวที่สุด เวลาปั่นจักรยานในเมืองก็คือ คนจอดรถแล้วเปิดประตูรถยนต์ แบบไม่ดูตาม้าตาเรือ คือเขาจะไม่สนเลยครับว่า จะมีรถอะไรตามมาหรือเปล่า จะเอาเท่อย่างเดียว และเหตุการณ์นี้ก็เคยเกิดขึ้นแล้วครับ แต่ไม่ได้เกิดกับผมนะครับ แต่เกิดกับเพื่อนที่ปั่นจักรยาน ด้วยกัน เจ็บหนักครับ ขอบอก ทำให้ผมเป็นคนระแวงตลอดเวลา เวลาขี่จักรยานแซงรถยนต์ที่จอดอยู่ตามไหล่ทาง ผมจะพยายามระวังตลอด กลัวเขาเปิดประตูมาแบบกระทันหัน ครับ
  • หากปั่นจักรยานในเมืองที่มีการจราจรแออัด สิ่งที่ลืมไม่ได้คือผ้าปิดจมูกครับ ตอนนี้มีหลายแบบน่ารักๆ ทั้งนั้นครับ ซื้อมาใช้ สัก 2 - 3 อัน เอาแบบที่ซัดได้ก็ดีครับ
  • เคารพ กฏจราจร และปฏิบัติตาม ด้วยนะครับ ไม่ใช่เคารพอย่างเดียว

ระยะทางจากบ้านถึงที่ทำงานหรือ โรงเรียนหากไม่ไกลมาก ปั่นจักรยานไปดีกว่าครับ (ปล. ไม่ไกลมาก ในความคิดของผมคือ ระยะทางไม่เกิน 15 กิโลเมตรครับ)


บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ : น้ำหนักของจักรยานนั้นสำคัญไฉน

วันเสาร์ที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2555

น้ำหนักของจักรยานนั้นสำคัญไฉน

เฟรมจักรยาน

หากเราจะพูดเรื่องน้ำหนักของจักรยาน กันแล้วหลายคนคงนึกถึงจักรยานที่มีราคาแพงๆ รวมไปถึงชิ้นส่วนต่างๆ ที่ประกอบกันขึ้นมาเป็นจักรยาน 1 คัน วันนี้ผมจึงอยากจะมาเล่าถึงประสบการณ์เล็กน้อยๆ เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวครับ

หลายครั้งที่เราออกไปปั่นจักรยาน กับกลุ่มเพื่อนๆ แล้ววันไหนหากเพื่อนในกลุ่มเรา คนใดคนหนึ่ง ซื้อจักรยานคันใหม่มาหลายคนคงสงสัยว่า จักรยานของเขาจะหนักซัก กี่กิโลกลัม แล้วเขาซื้อมาด้วยราคาเท่าไหร่ (นึกในใจ!! มันชั่งสวยงามอะไรเช่นนี้) หากเราไม่ใช่คนมีฐานะ ร่ำรวย เราคงต้องนึกอยู่แล้วครับว่า (หากเราได้จักรยานแบบเขามาขี่ซักคัน เราคง ปั่นได้เร็วและแรง น่าดู!!) บางคนไปหาซื้อของมาตกแต่งจักรยานของตน โดยพยายามหาอะไรต่อมิอะไร มาเปลี่ยน ทั้งที่ของเดิมที่ใช้อยู่ก็ยังสภาพ เกิน 80% หรือแทบจะไม่มีอะไรสึกหลอเลย แต่ก็อย่างว่าละครับ มันอยู่ที่ความพึงพอใจของแต่ละคน หากท่านไหนพอจะมีฐานะ หน่อยก็เป็นเรื่องธรรมดาครับ เขาก็ใช้เงินสมกับฐานะทางสังคมของเขา แต่ก็มีอีกหลายคน เช่นกันครับ ที่ตามๆ เขาไปทั้งที่กำลังทางการเงินของตัวเอง ก็เดือนชนเดือน อยู่แล้ว ต่างคนก็ต่างจิต ต่างใจครับ

ผมมีเรื่องเล่านิดหน่อยครับ ตอนที่ผมจะประกอบรถจักรยานของผม คือคันที่ผมใช้ขี่อยู่ทุกวันนี้ ซักหน่อยครับ ตอนแรกผมก็หาข้อมูลจากหนังสือ และอินเตอร์เน็ต อยู่นานพอสมควรครับ โดยผมจะค่อยๆ ซื้อมาประกอบทีละชิ้นเลยละครับ คือตอนนั้นผมไม่มีเงินก้อน ที่จะซื้อมาประกอบที่เดียวทั้งคัน ผมเลยซื้อมาเดือนละชิ้น สองชิ้น ก็ใช้เวลาประมาณ 4 เดือนกว่าๆ ครับ กว่าผมจะได้ขี่จักรยานคันนี้ หมดเงินไปประมาณ สี่หมื่นกว่าบาท แต่อะไหล่ทุกชิ้นที่ผมซื้อมา ล้วนแต่คุณภาพสมราคาครับ แถมไปซื้อของเขาบ่อยๆ เขาก็ลดราคาให้แบบผมไม่ต้องต่อลองราคากับเจ้าของร้านเลยครับ

เบาะจักรยานเบาๆ

ส่วนเรื่องน้ำหนักของอะไหล่แต่ละชิ้น ยิ่งเบาราคาก็ยิ่งสูงครับ โดยส่วนตัวผมจะเลือก อะไหล่จักรยาน ที่มีราคากลางๆ ไม่สูงเกินไป ผมขอยกตัวอย่างตอนที่ผมจะหาซื้อเบาะจักรยาน คันที่ผมใช้อยู่นะครับ ยี่ห้อ A ราคา 6,000 บาท น้ำหนัก 200 กรัม ยี่ห้อ B ราคา 1,200 บาท น้ำหนัก 250 กรัม เป็นคุณจะเลือกยี่ห้อไหนครับ แต่ตัวผมเลือก ยี่ห้อ B ครับ เพราะว่าผมคิดว่า น้ำหนักต่างกันแค่ 50 กรัม ราคามันไม่น่าจะต่างกันราวฟ้ากับเหว เช่นนี้ ส่วนเรื่องยี่ห้อ ไม่ได้กินผมหลอกครับ เพราะผมไม่สนเลยครับ ผมสนแต่คุณภาพเท่านั้น หลายอย่างของดีไม่จำเป็นต้องแพงเสมอไปครับ ผมขอยกตัวอย่างเรื่องของดีไม่แพงแล้วกันนะครับ นั่นคือกางเกงสำหรับปั่นจักรยานครับ ผมเคยใช้ของนอกยี่ห้อหนึ่ง ผมไม่บอกยี่ห้อแล้วกันครับเดี๋ยวเขาจะได้รับความเสียหาย ผมใช้ไม่กี่เดือนก็ยานแล้วครับ ถ้านึกไม่ออกลองนึกถึงภาพถุงเท้านักเรียน ที่มันหมดสภาพเอาครับ เหมือนกันไม่มีผิดเลยครับ ผมเลยกลับไปใช้ของประเทศเราผลิตเองยี่ห้อ "กุ้งทอง" หลายคนอาจจะงง ครับว่า กางเกงปั่นจักรยาน ยี่ห้อดังกล่าว มันมีอยู่ในโลกนี้ด้วยหรอ ผมขอตอบแบบไม่เขินเลยครับ ว่ามีครับ และหลายคนอาจจะสงสัยอีกว่าแล้ว จะหาซื้อได้ที่ไหนกันหละ!! ไม่ต้องกลัวครับผมบอกเลยแล้วกัน ผมไปซื้อที่ร้าน "โกเหลียง" ครับซึ่งร้านของพี่เขาอยู่แถวลาดพร้าว 101 ครับ ผมใส่ทั้งชุดครับ ยี่ห้อนี้หมด มันถูกใจผมตรงที่ กางเกง 300 บาท เสื้อ 120 บาท (ราคานี้ สมัย 2 - 3 ปีที่แล้วครับ) ความทนไม่ต้องพูดถึงครับใช้กันจมลืมเลยละครับว่าซื้อมาตอนไหน

หลายคนอาจจะค้านว่า หากซื้ออะไหล่ที่น้ำหนักเบาหลายๆ ชิ้นรวมแล้วรถจะเบาขึ้นเยอะครับ อันนี้ผมไม่เถียงครับ หากเปลี่ยนอะไหล่หมดทั้งคันน้ำหนักจักรยานคันนั้น อาจจะเบาลง 1 - 2 กิโลกลัม แต่ปัจจัยที่ทำให้คนขี่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกับจักรยาน มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับแค่น้ำหนักของจักรยานเพียงอย่างเดียวครับ มันยังมีอีกหลายปัจจัยครับ เช่น ไซด์ที่เหมาะสม, การปรับตั้งจักรยานให้เหมาะสมกับผู้ขี่, ท่าทางในการปั่นที่ถูกต้อง และอีกหลายอย่างครับ เพราะฉนั้นอย่าไปยึดติดกับน้ำหนักของจักรยานมากเกินไปครับ

ซึ่งเรื่องเกี่ยวกับน้ำหนักของจักรยานนั้น ก็ไม่ใช้เรื่องใหญ่อะไรมากมายครับ เราแค่เลือกน้ำหนักแล้วนำมาเปรียบเทียบกับราคา และคุณภาพครับ ว่ามันเหมาะสมกันหรือเปล่า สุดท้ายแล้วมันก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยด้านความพึงพอใจ แล้วก็เงินครับ สุดท้ายครับ จักรยานจะเทพขนาดไหน แต่เจ้าของขี้เกียจฝึกซ้อมเสียแล้ว ดังนั้นน้ำหนักรถเบาๆ จะมีประโยชน์อะไรครับ


บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ : วิธีโหลดคาร์โบไฮเดรต ก่อนการแข่งขันจักรยาน

วันพฤหัสบดีที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

วิธีโหลดคาร์โบไฮเดรต ก่อนการแข่งขันจักรยาน

เพิ่มคาร์โบไฮเดรตก่อนแข่งจักรยาน นักปั่นจักรยานหลายคนคงอาจจะทราบกันแล้วนะครับว่า การเพิ่มปริมาณสารอาหาร ประเภทคาร์โบไฮเดรต ก่อนการแข่งขันนั้นมีประโยชน์เช่นไร โดยนักปั่นส่วนใหญ่จะเรียกวิธีการนี้ว่า "โหลดคาร์โบ" โดยมันเปรียบเสมือน เราเติมน้ำมันให้เต็มถังก่อนออกเดินทางไกลๆ นั้นแหละครับ ผมขอยกตัวอย่างง่ายๆ นะครับ มีรถยนต์ 2 คัน (รุ่นเดียวกัน และยี่ห้อเดียวกัน ง่ายๆ คือทุกอย่างเหมือนกันหมดครับ จะได้ไม่ต้องมีตัวแปลมาแย้งครับ!!) คันแรกเติมน้ำมันเต็มถัง คันที่สองเติมน้ำมันแค่ครึ่งถัง คุณคิดว่าคันไหนจะวิ่งได้ระยะทางไกลกว่ากันครับ คำตอบนั้นง่ายมากครับ ก็คันแรกไงครับ!!

แล้วเราจะทำยังไงกันดีหละ หากเราต้องการจะมีพลังงานเก็บสะสมในร่างกายของเราเยอะๆ ก่อนทำการแข่งขันจักรยาน ระยะทางไกลๆ หรือการแข่งขันไดๆ ก็ตามที่ใช้เวลาในการแข่งขัน 2 ชั่วโมงขึ้นไป ก็แน่นอนละครับ ผมว่าระยะทางต้องเกิน 100 กว่ากิโลเมตรขึ้นไปครับ ถ้าน้อยกว่านี้ไม่จำเป็นครับ โดยระยะเวลาในกระบวนการโหลดคาร์โบ นั้นจะใช้เวลาประมาณ 9 วัน ก่อนที่จะเริ่มทำการแข่งขันจักรยานครับ โดยจะแบ่งเป็น 2 ช่วงครับ

เตรียมตัว 9 วันก่อนแข่งขันจักรยาน


ก่อนแข่งขันจักรยาน
  1. ช่วง 6 วัน แรก ฝึกซ้อมจักรยานแบบเข้มข้น หรือปั่นให้นานขึ้นนั่นเองครับ แล้วช่วงนี้ก็ทานอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรต เช่น ข้าว, อาหารประเภทแป้ง และน้ำตาล ให้น้อยลงกว่าปรกติ คิดเป็นเปอร์เซนก็ทานคาร์โบไฮเดรตแค่ 15 % ของปริมาณอาหารที่คุณรับประทานเข้าไป เหตุผลหรือครับ ผมขออธิบายแบบ ชาวบ้านเลยนะครับ จะได้เข้าใจกันแบบ ง่ายๆ คือ เราจะทำให้ร่างกายของเรากระหาย สารอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรต นั่นเองครับ คือหากมีความกระหายมากๆ แล้วร่างกายของเราสามารถ เก็บสิ่งนั้นได้เยอะขึ้นนั้นเองครับ ในที่นี้ผมไม่ขอใช้ศัพท์ ทางวิชาการ นะครับ เดี๋ยวจะอธิบายกันไม่จบครับ

  2. ทานข้าวเยอะๆ ก่อนแข่งจักรยานช่วง 3 วันก่อนการแข่งจักรยานระยะทางทางไกลๆ การฝึกซ้อมก็ปั่นแบบเบาๆ ครับ ซึ่งถึงตอนนี้แล้วร่างกายของเราก็กำลังกระหาย คาร์โบไฮเดรตแล้วครับ ตอนนี้ก็จัดเต็มกันได้เลยครับ อาหารหลักๆ ของคุณ ในช่วง 3 วันนี้ 70% ของอาหารที่คุณจะต้องรับประทานเข้า ส่วนใหญ่ก็จะเป็นประเภทแป้งละน้ำตาล หรืออะไรก็ได้ครับที่อุดมไปด้วยคาร์โบไฮเดรต คุณก็ลำเลียงเข้าไปครับ แต่ควรเป็นคาร์โบไฮเดรต ที่มีเส้นใยต่ำ หรือที่มีไฟเบอร์ต่ำๆ ครับ ไม่เช่นนั้นคุณจะท้องอืดได้ครับ อาหารที่มีไฟเบอร์ต่ำ เช่น ข้าวขาวที่เรากินกันทุกวันนี่แหละครับ และควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูงๆ ด้วยนะครับ ช่วง 3 วันนี้ก็ทนๆ กันเอาหน่อยนะครับ เพราะคุณอาจจะเบื่อได้ครับ เพื่อแลกกับการที่คุณมีพลังงานสะสมในร่างกายเต็มที่ เกือบลืมไปครับ เรื่องน้ำ ก็สำคัญนะครับควรดื่มน้ำให้เพียงพอด้วยครับ เพราะมันจะทำให้ กระบวนการในการแปลงคาร์โบ ไปเป็นไกลโคเจน แล้วจัดเก็บใว้ในร่างกายเรามีประสิทธิภาพสูงสุดครับ หรือถ้าคุณมีทุนหน่อย อาจจะจัดคาร์โบไฮเดรตในรูปแบบของเหลว ที่มีขายกันอยู่ลองนำมาทานกันบ้างก็ได้ครับ

ผมหวังว่าบทความนี้อาจจะเป็นประโยชน์แก่เพื่อนๆ นักปั่นจักรยาน ที่ยังไม่ทราบถึงวิธีการนี้ เพราะโดยทั่วไปแล้ว จะหาอ่านไม่ค่อยได้ครับ พอดีผมไปเจอ ฟรั่งเขาเขียนไว้ และเห็นว่ามีประโยชน์ผมเลยนำมาแบ่งปัน กันครับ จริงๆ มันมีรายละเอียดเยอะกว่านี้นะครับ แต่มันเป็นศัพท์ ทางวิชาการเกินไปผมเลยเรียบเรียง แบบชาวบ้าน นี่แหละครับจะได้เข้าใจกันง่ายๆ ครับ และไม่ต้องกังวลว่าร่างกายของคุณจะขาดสารอาหาร นะครับ เพราะกระบวนการดังกล่าว ใช้เวลาเพียงแค่ 9 วันเอง หลังจากนั้นคุณก็ทานอาหาร ทั่วไปได้ตามปรกติครับ


บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ : ผู้หญิงปั่นจักรยานแล้วน่องโตจริงหรือ

วันศุกร์ที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ผู้หญิงปั่นจักรยานแล้วน่องโตจริงหรือ

ผู้หญิงกับจักรยาน

ผมว่าคำถามนี้ผู้หญิงหลายคนที่กำลังคิดจะหาจักรยานมาปั่นออกกำลังกาย คงต้องคิดหนักแน่ครับเพราะ ส่วนใหญ่อาจจะฟังมาจากเพื่อนๆ หรือคนอื่นๆ อีกที โดยไม่รู้ว่าความจริงนั้นมันเป็นอย่างไร บางคนพอได้ฟังจากเพื่อนๆ หรือคนรู้จัก บอกว่าอย่าไปปั่นจักรยานยานนะเดี๋ยวน่องจะโต ไม่รู้ว่าเขาเหล่านั้นไปได้ยินมาจากไหน ส่วนตัวแล้วผมว่ามันเป็นความคิด ที่ปิดกั้นตัวเองมากเกินไป ยังไงแล้วคุณควรหาข้อมูลไห้ละเอียดก่อนครับ ก่อนจะเชื่อใครง่ายๆ เพราะเขาเหล่านั้น อาจจะกำลังสกัดดาวรุ่งคุณอยู่ก็ได้ครับ เพราะว่าการออกกำลังกาย ไม่ว่าชนิดไหนก็ตามจะทำให้ร่างกายของเรา มีสัดส่วนกระชับ เพราะมันจะช่วยลดไขมันส่วนเกิน สังเกตุง่ายๆ ครับ ร่างกายส่วนไหนที่ใช้งานบ่อยๆ จะไม่ค่อยมีไขมันสะสมในจุดนั้นครับ ผมยกตัวอย่างง่ายๆ นะครับ เช่นข้อมือ และข้อเท้า ในจุดนี้สังเกตุได้ง่ายมากครับ โดยการลองจับที่ผิวหนังตรงจุดนั้นบีบ แล้วดึงขึ้นมา จะเห็นได้ว่า มันจะบางกว่า ตรงส่วนต้นแขน และต้นขาของเรา เพราะในชีวิตประจำวันของเราต้องเดิน ต้องหยิบจับอะไรต่อมิอะไร บ่อยๆ ทำให้ร่างกายตรงส่วนดังกล่าวได้ทำงานเป็นประจำ ส่งผลให้ร่างกายส่วนนั้น แข็งแรง และกระชับกว่าร่างกายส่วนที่ไม่ค่อยได้ใช้งานครับ

รูปร่างสวยด้วยการปั่นจักรยาน


รูปร่างดีด้วยการขี่จักรยานเช่นเดียวกับการที่เราออกกำลังกายไม่ว่าจะเล่นกีฬา ชนิดใหนมันก็มีผลดีกับร่างกายของเราทั้งนั้นครับ ดังนั้นไม่ต้องกังวลครับ ว่าถ้าหากเราจะหาซื้อจักรยานสักคัน มาปั่นออกกำลังกาย แล้วกลัวว่าน่องจะโต อันนี้ไม่เป็นความจริงครับ (กล้ามเนื้อน่องมันไม่ได้จะโตกันง่ายๆ ครับ) แต่ตรงกันข้าม การออกกำลังกายด้วยการปั่นจักรยาน จะทำให้น่อง และต้นขา ของคุณผู้หญิงกระชับเข้ารูป ได้สัดส่วนสวยงาม ไม่มีไขมันสะสม บริเวณต้นขา (ที่เป็นลอนๆ เหมือนคลื่น ตะปุ่มตะป่ำ นั่นแหละครับ) ในความคิดของผมนะครับ ผู้หญิงจะสวยขนาดไหนก็ตาม ถ้ารูปร่างไม่ดี แล้วละก็หมดกันครับ คะแนนของคุณโดนตัดลงเหลือไม่ถึง 50% แน่นอน ตรงกันข้าม หากคุณหน้าตา ไม่ค่อยสวย แต่คุณรูปร่างดีเพอร์เฟค คะแนนของคุณจะดีกว่าครับ อย่างงครับ ผู้ชายเวลาจับกลุ่มกัน เขาก็นินทาผู้หญิงเช่นกันครับ (อันนี้สมัยที่ผมเป็นวัยรุ่นก็เคยครับ เวลาไปสังสรรค์กับเพื่อนๆ ที่สนิทๆ กัน ตามผับบาร์ ต่างๆ )

เธอคือนางแบบ และนักปั่นจักรยานระดับโลก


นักปั่นจักรยานหญิงผมขอยกตัวอย่าง นักปั่นจักรยานหญิง ระดับโลก คนหนึ่งนะครับ เธอเป็นทั้งนักปั่นจักรยาน และนางแบบ ด้วยครับ เธอชื่อ "Victoria Pendleton" เธอเป็นนักปั่นจักรยาน ชาวอังกฤษ และในปี 2012 นี้เธอยังเป็นแชมป์โลก การแข่งขันจักรยาน ประเภทลู่ชิงแชมป์โลก ประเภทสปริ้น ด้วยครับ หากท่านไดเป็นนักปั่นจักรยาน แล้วละก็คงรู้จักเธอคนนี้เป็นอย่างดีครับ เพราะเธอเป็นขวัญใจหนุ่มๆ ทั่วโลก ครับ เก่งยังไม่พอ แถมยังสวยอีกต่างหาก พอคุณได้เห็นภาพเธอแล้วลองนึกดูครับว่าน่องเธอ โตหรือเปล่า อันนี้คงเป็นข้อยืนยันนะครับว่า การปั่นจักรยาน นั้นไม่ทำให้น่องโต แต่มันจะทำให้น่อง และต้นขาของคุณแข็งแรง กระชับได้สัดส่วนเพรียวสวยงาม เพราะฉนั้นอย่ากลัวที่จะเริ่มต้นออกกำลังกายครับ และจะให้ดีอย่าเอาคำว่า "ไม่มีค่อยเวลา" มาเป็นตัวถ่วงสุขภาพของเราครับ ผมขอเป็นกำลังใจให้กับทุกคนที่กำลังคิดจะเริ่มต้นออกกำลังกาย ครับ!!


บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ : การเตรียมตัวก่อนทำการแข่งขันจักรยาน

วันศุกร์ที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

การเตรียมตัวก่อนทำการแข่งขันจักรยาน

การเตรียมตัวก่อนทำการแข่งขันจักรยาน
การอบอุ่นร่างกายก่อนการแข่งขันจักรยาน
บทความนี้ส่วนใหญ่ ผมจะเขียนจากประสบการณ์จริง ที่ผมได้เคยสัมผัสมาด้วยตัวเอง จากการแข่งขันจักรยานหลายๆ รายการ พอผมนึกย้อนไปกลับไปในสมัยที่ผมยังปั่นจักรยาน ผมก็ได้พบว่าความผิดพลาดเพียงเล็กๆ น้อยๆ จากการที่เราไม่ได้ใส่ใจในจุดเล็กๆ ที่เรามองข้าม อาจนำมาซึ่งความผิดหวัง และพ่ายแพ้ แบบคาใจ หรือคิดอีกแบบ ก็คือ "หากเราตรวจสอบ และรอบคอบกับจุดนี้อีกหน่อย เหตุการณ์แบบนี้คงไม่เกิดขึ้น นึกแล้วน่าเสียดายจัง" หลายคนอาจจะพูดกับตัวเองแบบนี้ เมื่อการแข่งขันได้จบลงไปแล้ว เรื่องที่ผ่านไปแล้วเราย่อมกลับไป แก้ไขอะไรมันไม่ได้ ก็ถือว่าเป็นประสบการณ์ ก็แล้วกันครับ ผมก็เคยผ่านจุดนี้มาแล้วครับ ความผิดพลาดเพียงเล็กน้อย ทำให้เกิดเรื่องที่ไม่น่าจะเกิด ผมก็เลยจะมาแชร์ประสบการณ์ ในเรื่องดังกล่าว ให้เพื่อนๆ ชาวจักรยาน ไว้เผื่อคนใหนที่ยังไม่รู้ จะได้เตรียมตัวได้ถูกต้องครับ

การเตรียมตัวก่อนทำการแข่งขันจักรยานนั้น ส่วนตัวผมจะแบ่งเป็น 2 ส่วน นะครับ

  1. การเตรียมความพร้อมของจักรยาน และอุปกรณ์ สวมใส่
  2. การเตรียมความพร้อมของร่างกาย

การเตรียมความพร้อมสำหรับจักรยาน

  • สภาพยางจักรยานลมยาง และสภาพยางจักรยาน ยางที่หมดสภาพแล้วควรเปลี่ยนก่อนทำการแข่งขัน และเช็คแรงดันลมยางให้ถูกต้อง ก่อนทำการแข่งขันเสมอครับ เช็คตรงจุด Start เลยครับ แน่นอนที่สุด แต่หากเป็นการแข่งขันประเภทลู่ ที่ยังทำการแข่งขันกันในสนามดิน ควรเช็คกาวที่ทายางอาฟ ด้วยครับว่ากาวหมดสภาพหรือยัง เหตุการณ์นี้ ผมเคยเจอมากับตัวเองเลยครับ ตอนที่ผมแข่งจักรยาน คัดตัวแทนเขต 5 ผมลงแข่งขันจักรยานประเภทพ้อยเรซ ผมประสบอุบัติเหตุ ระหว่างการแข่งขันเพราะว่า กาวที่ทายางอาฟ มันหมดสภาพ ครับยางเลยหลุดออกจากขอบ ตัวผมสปริ้นนำมาแล้วพอช่วงเข้าโค้ง ความเร็วมันสูงมากครับ ยางเลยหลุดออกจากขอบล้อ ตัวผมล้มก่อนครับ ส่วนคนที่ตามผมมา ก็ไม่รอดครับ สอยผมเข้าไปเต็มๆ ล้มด้วยกันทั้งคู่ แต่ก็ยังดีครับ พวกพี่ๆ ที่อยู่ทีมเดียวกันกับผม เขามาชมแบบติดสนามจริงๆ คือผมล้มต่อหน้าเขาเลยครับ พี่เขาเลยเข้ามาช่วยดึงยางให้เข้าที่ แล้วผมก็ต้องแข่งขันต่อตามระเบียบครับ สรุปพอจบการแข่งขันผมได้ ที่2 พี่คนที่ล้มตามผมเขาได้ ที่1 ครับ เหตุที่พวกพี่เขาชอบดูการแข่งขันแถวใกล้ๆโค้ง เพราะส่วนใหญ่จะได้เห็นภาพกีฬามันๆ กันแบบจะๆ พวกการแข่งขันจักรยานประเภทสปริ้น ที่ใช้ความเร็วสูงๆ โอกาสล้มมีสูงมากครับ ยิ่งแข่งในลู่ดินแล้วละก็ เกือบจะทุกรายการครับ เป็นต้องล้มกันบ่อย ดังนั้นอย่าลืมเช็คสภาพยางก่อนการแข่งขันด้วยนะครับ

  • เช็คจุดหมุน และข้อต่อต่างๆ ยกตัวอย่างเช่น ล้อเช็คว่าลื่นดีหรือเปล่า มีอาการโยกหรือคลอนใหม โซ่จักรยานอยู่ในสภาพดีหรือเปล่า อย่าลืมหยอดน้ำมันหล่อลื่นด้วยนะครับ น็อตสกรูต่างๆ ขันแน่นหรือยัง ตรวจให้พร้อมครับ เพราะพวกนี้ตอนซ้อมมันไม่ค่อยมีอาการ แต่ตอนที่เราจะแข่งนี้ซิครับ หากเราไม่เช็คอีกรอบ มันชอบมางอแง่ช่วงนี้จริงๆ

  • ระบบเบรคจักรยาน ส่วนใหญ่หลายคนจะ ไม่ค่อยได้เช็ค หลอกครับ เพราะถือว่าใช้ทนใช้นาน เลยละครับ ยิ่งผ้าเบรคบางรุ่นใช้กันจนลืม เลยครับว่าซื้อมาเมื่อไหล่ แต่ก่อนแข่งขัน ดูซักหน่อยก็ดีครับ กันเหนียว เช็คทั้งระบบ เลยยิ่งดีครับ เช่น สายเบรค หมุนน็อตแน่นหรือเปล่า เช็คดูให้ดีครับ เพราะเบรคจะสำคัญมากครับ เวลาเราลงเขา

  • รองเท้าและบรรไดจักรยานบรรได และรองเท้าจักรยาน ตรงส่วนนี้หลายคนอาจจะ ไม่ค่อยให้ความสนใจเท่าที่ควร แต่มันทำให้ผมพลาดโอกาสได้ลุ้นเหรียญ ในกีฬาแห่งชาติ มาแล้วครับ ตอนนั้นผมไปเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาแห่งชาติ ที่จัดขึ้นที่จังหวัดอยุธยา ผมจำปีไม่ได้แล้วครับขออภัยด้วยนะครับ ซึ่งผมเป็นตัวแทนของเขต 5 ทางผู้จัดการทีมให้ผมลงแข่งขัน 2 รายการครับ แต่ก็พลาดโอกาสได้เหรียญทั้งสองรายการเลย คือ จักรยานทางไกลระยะทาง 180 ก.ม. และพ้อยเรซ รายการแรก 108 ก.ม. ผมพลาดโอกาสได้เหรียญเพราะว่าประสบการณ์ผมยังน้อยครับ ผมแบ่งการใช้แรงยังไม่เป็น เลยเข้าแค่ที่ 5 ส่วนประเภทพ้อยเรซที่ทางพี่ๆ ในทีมเขาหวังว่าผมคงได้ลุ้นเหรียญแต่ก็พลาดเพราะว่า เจ้ารองเท้าจักรยานของผม เชือกผูกรองเท้ามันหลุดครับ (ไม่ต้องงงครับเมื่อก่อนรองเท้าจักรยานบางรุ่นยังใช้เชือกผูกรองเท้าอยู่ครับ) คือช่วงที่เชือกมันยังไม่หลุดผมก็สปริ้นเข้า และมีคะแนนตลอด พอเชือกมันหลุดแล้วผมลุกจากอานจักรยานสปริ้นไม่ได้เลยครับ ได้แต่ประคองตัว ไม่ให้หลุดออกจากกลุ่ม ก็พอ ช่วงแรกๆ ของการแข่งขันมีอุบัติเหตุล้มกันไปหลายคนครับ เพื่อนผมที่อยู่ทีมเดียวกันก็ล้มไปด้วย จนต้องออกจากการแข่งกันไปหลายคน ส่วนผมหลบมาได้อย่างหวุดหวิด แต่ดันมาเชือกรองเท้าหลุดอีก มันน่าเศร้าจริงๆ แต่ผมก็แข่งขันจนจบนะครับ แต่ก็พลาดไม่ได้ซักเหรียญ ดังนั้นอย่าประมาทครับควรเช็ครองเท้าปั่นจักรยาน ดูให้แน่ใจว่าสภาพ กาวที่ยึดพื้นรองเท้ากับตัวรองเท้า ยังติดกันดีอยู่ เพราะผมเคยสปริ้นจนตัวรองเท้าหลุดออกจากพื่นรองเท้ามาแล้วครับ ไม่ใช้ว่าผมแรงดีนะครับ เป็นเพราะกาวที่ทางโรงงานเขาทามามันหมดสภาพเองครับ อีกอย่างผมเคยเห็นการแข่งขันจักรยานประเภทลู่สมัยนี้ เขาจะมีเข็มขัดรัดรองเท้าให้ติดกับบรรไดอีกที หากคุณเป็นคนที่สปริ้นหนักๆ ผมว่าหามาใช้สักคู่ก็ดีครับ ผมเคยเห็นวีดีโอของฟรั่ง บางคนสปริ้นกันจนซี่จักรยานขาดกันเลยก็มีครับ โหดกันดีจริงๆ ที่สำคัญหล่อนเป็นผู้หญิงด้วยนะครับ ใครได้เป็นแฟนคงไม่กล้าหนีเที่ยวเป็นแน่แท้!!
อุบัติเหตุในการแข่งขันจักรยาน

การเตรียมความพร้อมของร่างกาย ก่อนการแข่งขันจักรยาน

  • การอบอุ่นร่างกายก่อนการแข่งขันจักรยาน ผมว่ามันเป็นสิ่งสำคัญเลยครับ เพราะมันจะทำให้ร่างกายของเรา พร้อมสำหรับการแข่งขัน และลดอาการบาดเจ็บจากการฝึกซ้อม หรือการแข่งขัน ยกตัวอย่างเช่น หากเราจะทำการแข่งขันจักรยานทางไกล เราก็ยืดเส้นยืดสาย ก่อนขึ้นขี่จักรยาน แล้วก็ปั่นเล่นเบาๆ ใกล้ๆ กับจุดเริ่มต้นของสนามแข่งขัน หรือถ้าหากเป็นการแข่งขันประเภทลู่ ก่อนทำการแข่งเราต้องอบอุ่นร่างกาย ด้วยการขึ้นลูกกลิ้ง หรือเทรนเนอร์ เพราะเนื้อที่ที่มีจำกัด ของสนามแข่งนั่นเองครับ

  • การทานอาหารก่อนทำการแข่งขันจักรยาน หากเราจะทำการแข่งขันระยะทางสั้นๆ เราไม่ควรทานเยอะครับ อาจจะทานก่อนทำการแข่งขัน 1 ช.ม. ครึ่ง ถึง 2 ช.ม. หากเป็นการแข่งขันจักรยานทางไกล อันนี้จัดเต็มไปเลยครับ แต่ควรก่อนการแข่งขันสัก 1 ช.ม. ส่วนเหตุการณ์และประสบการณ์ เกี่ยวกับการทานอาหารนี้ไม่ได้เกิดกับผมโดยตรงนะครับ แต่มันเกิดกับรุ่นพี่ที่ฝึกซ้อมด้วยกันกับผม คือวันนั้นออกไปฝึกซ้อมจักรยานกันตามปรกติ ระยะทางประมาณ 70 - 80 กิโลเมตร พอขี่กันไปได้ซักประมาณ 20 กว่า ก.ม. พี่เขาก็ธาตุไฟเข้าแทรกครับ คืออวกนั่นเองครับ พี่เขาคงทานเยอะไปหน่อย แล้วไม่ได้รอให้อาหารย่อยสักพักก่อนแล้วค่อยมาฝึกซ้อม ทำให้พี่เขาต้องจอดพัก แล้วค่อยรอเข้ากลุ่มอีกที่ตอนที่กลุ่มวนกลับมาครับ แต่พี่เขาพอเข้ากลุ่มอีกที่ก็ไม่เป็นไร ปั่นได้ตามปรกติ ถ้าผมจำไม่ผิดการปั่นจักรยานฝึกซ้อมตอนนั้นความเร็วเฉลี่ยน่าจะอยู่ประมาน 43 - 45 ก.ม./ชั่วโมง ในสมัยนั้น ก็ถือว่าเร็วแล้วครับ แต่หากเป็นสมัยนี้ผมว่าความเร็วขณะปั่นกันเป็นกลุ่มคงไม่น่าจะต่ำกว่า 45 ก.ม./ช.ม. เพราะเหตุที่ว่า อุปกรณ์จักรยาน และเทคนิคต่างๆ ได้รับการพัฒนาขึ้นเลื่อยๆ ทำให้นักปั่นจักรยานในปัจจุบัน ปั่นได้เร็วขึ้นนั่นเองครับ

  • จักรยานสวยความตื่นเต้นก่อนการแข่งจักรยาน อันนี้เป็นกันทุกคนครับ ใครที่เคยเป็นนักกีฬาคงจะรู้ดีครับ แต่เราควรควบคุมมันให้ได้ครับ อย่าให้มันมีผลต่อการแข่งขัน หากเป็นนักกีฬาที่มีประสบการณ์หรือ เคยผ่านสนามมาเยอะๆ จะไม่ค่อยตื่นเต้นครับ เพราะแข่งบ่อยๆ จะชินไปเองครับ แต่หากเป็นนักปั่นจักรยานหน้าใหม่ ต้องควบคุมตัวเองให้ได้ครับอย่าให้ตื่นเต้นจนลืมสิ่งที่โค้ช หรือผู้ฝึกสอน ได้แนะนำไว้ก่อนการแข่งขันนะครับ แต่หากเวลาผ่านไปเราก็จะมีประสบการณ์มากขึ้น และจะเคยชินไปเองครับ


บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ: ตารางขนาดล้อ และยางจักรยาน

วันเสาร์ที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2555

ตารางขนาด ล้อและยางจักรยาน

ยางจักรยาน

วันนี้ผมได้นำตาราง ขนาดล้อ และยาง จักรยาน มาฝากครับ ซึ่งผมคิดว่าน่าจะมีประโยชน์สำหรับหลายๆ คนที่กำลัง จะหาซื้อยางจักรยาน มาเปลี่ยน หรือท่านที่กำลัง มองหาขอบล้อจักรยาน คู่ใหม่อยู่ และบางท่านอาจจะไม่รู้ว่า ล้อรถจักรยานที่ใช้อยู่ ขนาดเท่าไหร่ และควรใช้กับยางขนาดใด ผมจึงได้ไปหาตารางข้อมูล ขนาดล้อ และยาง มาฝากทุกคนให้ได้ศึกษากันครับ

ตารางขนาดล้อ และยางจักรยาน


เส้นผ่าศูนย์กลาง ของวงล้อ (ISO) หน่วยเป็น มิลลิเมตร ขนาดของล้อ และยางที่คนทั่วไป นิยมเรียกกัน ชนิดของจักรยานที่ใช้ล้อขนาด ดังกล่าว
203 12½ x ??? จักรยานเด็ก
305 16 x 1.75 ถึง 16 x 2.125 จักรยาน recumbent บางรุ่น, จักรยานสำหรับเด็ก
317 16 x 1¾ จักรยานสำหรับเด็กยี่ห้อ Schwinn
340 400A จักรยานเด็ก ที่ผลิตมาจากทวีปยุโรป
349 16 x 1⅜ จักรยานเมาเทนไบค์ รุ่นแรกๆ
355 18 x 1.5 ถึง 18 x 2.125 ใช้สำหรับจักรยานที่ผลิต จากบริษัท Burley
369 17 x 1¼ จักรยานเมาเทนไบค์ ยี่ห้อ Alex
390 450A จักรยานสำหรับเด็ก ที่ผลิตมาจากทวีปยุโรป
406 20 x 1.5 จักรยาน BMX รุ่นทั่วๆไป
419 20 x 1¾ จักรยานสำหรับเด็กยี่ห้อ Schwinn
440 500A จักรยานเด็ก ที่ผลิตมาจากทวีปยุโรป และ จักรยานพับ
451 20 x 1⅛, 20 x 1¼, 20 x 1⅜ จักรยาน recumbent บางรุ่น และ จักรยาน BMX บางรุ่น
457 22 x 1.75 ถึง 22 x 2.125 จักรยานสำหรับเด็ก
490 550A จักรยานเสือหมอบ สำหรับเด็ก ที่ผลิตมาจากประเทศแถบทวีปยุโรป
507 24 x 1.5 ถึง 24 x 2.5 จักรยานเมาเทนไบค์ สำหรับเด็ก และ cruisers bike
520 24 x 1, 24 x 1⅛ ใช้สำหรับล้อหน้าของจักรยาน ยี่ห้อ Terry บางรุ่น
540 24 x 1⅛, 24 x 1⅜ รถเข็นคนพิการ (wheelchairs)
547 24 x 1⅛, 24 x 1⅜ จักรยานสำหรับเด็กยี่ห้อ Schwinn
559 26 x 1.0 to 26 x 2.5 จักรยานเมาเทนไบค์ รุ่นใหม่ๆ
571 26 x 1, 26 x 1¾, 650C จักรยาน cruisers ยี่ห้อ Schwinn รุ่นเก่าๆ, สำหรับ 650C จะใช้สำหรับจักรยานเสือหมอบรุ่นใหม่ๆ ที่ผลิตมาเป็นพิเศษ สำหรับนักปั่นจักรยานรูปร่างเล็กๆ
584 26 x 1½, 650B จักรยานเมาเทนไบค์ ยี่ห้อ Raleigh และ Schwinn บางรุ่น, จักรยานทัวริ่งไบค์ ที่ผลิตในประเทศ ฝรั่งเศส
587 700D จักรยานยี่ห้อ GT บางรุ่น
590 26 x 1⅜ (EA3), 650A จักรยาน ที่ผลิตขึ้นมาเป็นพิเศษสำหรับนักปั่นตัวเล็กๆ ผลิตจากประเทศ อิตาลี
597 26 x 1¼, 26 x 1⅜ (S-6) จักรยานจากประเทศอังกฤษรุ่น เก่าๆ, จักรยานยี่ห้อ Schwinn ที่ผลิตระหว่างปี 1960 ถึง 1970
599 26 x 1.25, 26 x 1.375 จักรยานรุ่นเก่าๆ ที่ผลิตจากประเทศ อเมริกา
622 700C, 29Inch จักรยานเสือหมอบรุ่นปัจจุบัน, 29inch สำหรับจักรยานเสือภูเขาขนาด 29"
630 27 x ??? จักรยานเสือหมอบรุ่นเก่าๆ
635 28 x 1½, 700B ไซส์มาตราฐาน สำหรับจักรยาน ทั่วไป ที่ใช้กันในประเทศแถบทวีปเอเชีย และประเทศเนเธอร์แลนด์

การวัดค่า เส้นผ่าศูนย์กลาง (ISO) ของล้อจักรยาน

เส้นผ่าศูนย์กลางล้อ จักรยาน
การวัดก็ไม่ยากครับ ใช้ตลับเมตรวัดจากริมบนสุดของขอบล้อ จนถึงริมข้างล่างสุดของล้อ โดยให้ผ่านจุดกึ่งกลางของดุมล้อ ตามภาพเลยครับ
ตามรูปที่ผมนำมาเป็นตัวอย่าง เป็นล้อของจักรยานเสือหมอบครับ ค่าที่ได้คือ 622mm ครับ







การดูขนาดยางจักรยานเสือภูเขา

การอ่านค่ายางจักรยานเสือภูเขา
สังเกตุจากลูกศร สีเหลืองที่ผมทำเครื่องหมายไว้ ครับ ขนาดยาง คือ 26 x 2.40 ใช้กับจักรยานเสือภูเขา ขนาดล้อ 559mm. ได้พอดีครับ ซึ่งเป็นขนาดมาตราฐาน ของจักรยานเสือภูเขาที่มีจำหน่ายในปัจจุบัน ยางยี่ห้อนี้เขาบอกว่าเราสามารถสูบลมเข้าไปได้สูงสุดถึง 65PSI ด้วยครับดีจังเลย



ขนาดยางของจักรยานเสือหมอบ
ยางจักรยานเสือหมอบ
ดูที่ลูกศรที่ผมทำเครื่องหมายไว้ครับ ขนาดยาง 700x23c ซึ่งยางดังกล่าวสามารถใช้กับขอบล้อ จักรยานเสือหมอบขนาด 622mm. นั่นเองครับ ส่วน 23c นั้นหมายถึงความกว้างของหน้ายางครับ คือ 23mm. จักรยานที่ผมใช้อยู่ ล้อหลังผมใช้ 700x23c ส่วนล้อหน้าผมใช้ 700x20c ครับ
ขอบคุณครับ


บทความอื่นที่น่าสนใจ : อัตราทดเกียร์สำหรับ จักรยาน