วันพฤหัสบดีที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2554

การใช้ Heart Rate Monitor ช่วยในการฝึกซ้อมจักรยาน

Heart Rate Monitor

    ในปัจจุบันนี้ ต้องยอมรับว่า วิทยาศาสตร์ได้เข้ามามีบทบาท ในวงการกีฬาจักรยาน และ กีฬาประเภทอื่นๆ เป็นอย่างมาก ต่างจากในยุคก่อนๆ ที่นักกีฬาจักรยาน ส่วนใหญ่จะตั้งหน้าตั้งตา ฝึกซ้อมอย่างเดียวโดยยึดหลักว่า ซ้อมให้เยอะๆ เข้าไว้ถึงจะดี แต่ในปัจจุบันวิทยาศาสตร์การกีฬาได้เข้ามามีบทบาท อย่างมากในวงการกีฬา ทุกประเภทโดยจะเห็นได้จาก สถิติโลกในการแข่งขันกีฬาจักรยานประเภทต่างๆ จะมีเวลาที่ดีขึ้น อย่างเช่น การแข่งขันกีฬาจักรยานในรายการชิงแชมป์โลก หรือ โอลิมปิก มักจะมีการ ทำลายสถิติโลก กันแทบจะทุกครั่งที่มีการแข่งขัน ซึ่งเป็นผลมาจากการพัฒนาทางด้านวิทยาศาสตร์การกีฬา ส่งผลทำให้นักกีฬามีความสามารถมากขึ้น แข็งแกร่งขึ้น และ มันก็เป็นที่มาของเรื่องที่ผมจะมาแบ่งปันให้กับเพื่อนๆ พี่ๆ ในบทความนี้ครับ คือ การใช้ เครื่องวัดอัตราการเต้นของหัวใจ หรือ Heart Rate Monitor มาช่วยในการฝึกซ้อมจักรยาน โดยเจ้าเครื่องที่ว่านี้ มันสามารถช่วยให้เราทำการฝึกซ้อมจักรยาน ได้อย่างมีประสิทธิภาพ คือ มันจะเป็นตัวกำหนดไม่ให้เราฝึกซ้อมหนัก หรือ เบาเกินไป คือมันจะคอยบอกเราว่า ตอนนี้อัตราการเต้นของหัวใจ ของตัวเราเต้นกี่ครั้งต่อนาที ซึ่งจะมีประโยชน์มากในการฝึกซ้อม และจะทำให้เราสามารถมีพัฒนาการในการฝึกซ้อมจักรยานดีขึ้นอย่างรวดเร็ว และ ไม่เสี่ยงต่อการ "Over training" หรือการฝึกซ้อมหนักเกินไป ซึ่งผมได้กล่าวถึงผลร้ายของมันในบทความก่อนๆ ที่ผ่านมาโดยท่านใดยังไม่ทราบถึงผลร้ายของมันสามารถกลับไปอ่านได้ที่บทความนี้ครับ "การฝึกซ้อมจักรยานมากเกินไปมีผลร้ายกว่าที่คุณคิด" ผมได้อธิบายถึง ผลร้ายของมันไว้แล้ว

วิธีคำนวนหา อัตราการเต้นของหัวใจ ที่เหมาะสมกับช่วงอายุของคุณ

1. เราต้องคำนวนหาอัตราการเต้นของหัวใจสูงสุด ที่ร่างกายเราสามารถรับได้ โดยทั่วไปแล้วจะใช้ ค่านี้ครับ คือ 220 ลบด้วยอายุปัจจุบันของคุณ "(220 - อายุปัจจุบัน)=อัตราการเต้นของหัวใจสูงสุด ที่คุณสามารถรับได้" โดยค่าที่ได้ออกมาคือค่าสูงสุดที่ร่างกายของแต่ละคนจะรับได้ครับ ยกตัวอย่างเช่น นาย ก อายุ 35 ปี (220 - 35 = 185) ผลคืออัตราการเต้นของหัวใจสูงสุดของนาย ก คือ 185 ครั้งต่อนาที่
2. หาช่วงอัตราการเต้นของหัวใจที่เหมาะสมในการออกกำลังกาย โดยสามารถกำหนดจุดมุ่งหมายของการฝึกซ้อมจักรยาน หรือ ออกกำลังกายได้ดังนี้
  • เพื่อลดน้ำหนัก และ เผาผลาญไขมันส่วนเกิน โดยการออกกำลังกายแบบนี้จะใช้อัตราการเต้นของหัวใจอยู่ประมานช่วง 60% ของอัตราการเต้นของหัวใจสูงสุด
  • จุดมุ่งหมายเพื่อฝึกความอดทนของระบบร่างกาย จะใช้อัตราการเต้นของหัวใจอยู่ประมานช่วง 70-80% ของอัตราการเต้นของหัวใจสูงสุด
  • สำหรับผู้ที่จะฝึกซ้อมหนักๆ ระดับการเต้นของหัวใจ อาจจะเกิน 100% ในบางช่วง เช่น การฝึกสปริ้น ส่วนใหญ่ระดับการเต้นของหัวใจจะเกิน 90% ทั้งนั้นครับ
โดยทั่วไปแล้วเจ้า เครื่องวัดอัตราการเต้นของหัวใจจะคำนวนเป็น (%) ให้เราอยู่แล้วครับ ทำให้ง่ายต่อการสังเกตุความเปลี่ยนของอัตราการเต้นของหัวใจ โดยในปัจจุบันเจ้าเครื่องที่ว่านี้ราคาของมันก็ไม่แพงมากเหมือนแต่ก่อน ตกอยู่ราวๆ สองพันกว่าบาทนิดๆ แต่โดยส่วนตัวแล้วผมเห็นว่ามันมีความจำเป็นมากสำหรับนักกีฬาปั่นจักรยาน ในปัจจุบัน หรือนักกีฬาประเภทอื่นๆ

3 comments:

Heart Rate Monitor อันนี้โดยส่วนตัว ผมใช้มาได้ ประมาณ 2 ปีกว่าแล้วครับในความคิดของผม เครื่องตัวนี้มีประโยชน์มาก มันทำให้ การฝึกซ้อม เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และมีความก้าวหน้า อย่างรวดเร็ว เพราะเราสามารถ จะรู้ได้ว่า เราควรฝึกซ้อม ในความเข้มข้น ระดับใหน และไม่เสี่ยงต่อการ Over training หรือการฝึกซ้อมเกินกว่าที่ร่างกายจะรับใหว ซึ่งจะส่งผลเสีย อย่างร้ายแรง ต่อตัวนักก๊ฬา ไม่ว่าจะเป็นนักกีฬาประเภทใหนครับ ผมว่าถ้าใครจะเอาจริงเอาจังทางด้าน จักรยาน หรือการเป็นนักกีฬาอาชีพควรจะหามาใช้ก็จะดีมากครับ

เครื่องวัด Heart Rate Monitor หาซื้อได้ที่ไหนครับ เอาที่ราคาไม่แพงมาก เคยถามที่ร้านจักรยายบอกว่าราคา สี่พันกว่าบาทครับ

สวัสดีครับ ลุงญาณ นักดนตรี ก่อนอื่นผมต้องขอโทษ ก่อนเพราะผมตอบช้าไปหน่อยครับ ผมเพิ่งเข้ามาอัพเดท บล็อกวันนี้ครับ ช่วงนี้ตัวเป็นเกลียวเลยครับ

คุณลุงถามเรื่อง เครื่องวัด จังหวะการเต้นของหัวใจ ไม่ทราบว่ายี่ห้ออะไรครับที่ลุงไปถาม หากเป็น Polar จะแพงครับ ของผมที่ใช้อยู่เป็นของยี่ห้อ "cateye" ครับตอนนั้นผมซื้อมาราคา 2,900 บาท ไม่รู้ว่าเดียวนี้ราคาขึ้นหรือเปล่า ช่วงนั้นผมอยู่กรุงเทพ หากลุง ต้องการอะไหล่จักรยานราคาไม่แพงหากอยู่ กทม. ลองไปร้าน "โกเหลียง" หรือยังครับ ร้านเขาอยู่ แถวราดพร้าว 101 ครับ เขาขายอะไหล่จักรยานเสือหมอบ ราคาไม่แพงครับ ลองไปสอบถามได้ครับ รถผมที่ประกอบเองผมก็ซื้อจากร้านนี้หละครับ ลองไปดูนะครับ

ขอบคุณมากครับที่เข้ามาเยี่ยมบล็อกของผมครับ

แสดงความคิดเห็น